วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เสียงระฆัง ดังกังวานทั่วสารทิศ

โดย รัตติยา ลำผาย
23 มิถุนายน 2010


นายช่าง นายช่าง ! เสียงผู้หญิงเล็ดรอดออกมา ณ มุมหนึ่งของบ้านพักพระสงฆ์ ขอความเงียบประมาณ 15 นาที ได้ใหมค่ะ มีเสียงตอบจากชายวัยทำงานว่า “ ได้ครับ ” แต่ด้วยสีหน้าและท่าทางที่สงสัยว่า จะทำอะไร ไม่ทันที่ชาย คนนั้นจะถาม ก็มีเสียงตอบว่า จะอัดเสียงรายการวิทยุ ในเวลาต่อมาทุกอย่างก็เงียบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมที่พัดผ่าน

อากาศที่ร้อนอบอ้าว ในห้องสี่เหลี่ยม หน้าต่างและประตู ถูกปิด มีเพียง นักจัดรายการสมัครเล่น 2 คน ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประกาศเผยแพร่พระนามของ “ พระเยซู ” ให้ทุกคนได้รู้จักพระนามนี้ แต่ละสัปดาห์เราได้เชิญบุคคลต่างๆมาร่วมสนทนาในแง่มุมของชีวิต ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ฟังไม่มากก็น้อย เพราะเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่แยกออกมาจากจังหวัดอุดรธานี ท่านผู้อ่านคงนึกออกแล้วว่าเป็นจังหวัดอะไร ทางทิศเหนือของหนองบัวลำภู มีวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล ตั้งตระหง่าน มีประตูรั้วเปิดต้อนรับ และรอคอยแขกผู้มาเยือนจากทุกสารทิศ ทั้งไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมาเยี่ยมเราเสมอ คุณพ่อเจ้าอาวาส ที่ทำงานอภิบาลด้วยชีวิตที่อุทิศตนอย่างแท้จริง

“ ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ”

จากข้อความนี้เอง ที่เป็นตะเกียงที่จุดประกายไฟงานแพร่ธรรมแห่งหนองบัวลำภู เสียงระฆัง ที่ดังมาจากห้องทำงาน ที่ถูกจัดให้เป็นห้องอัดเสียง กับนักจัดรายการสมัครเล่น “ FM. 106.75 คาทอลิกบอกเล่าเก้าสิบ ” ออกอากาศทุกวัน เวลา 18.00 น. - 19.00 น. เนื้อหาบางช่วงรายการได้รับการสนับสนุนจากสื่อคาทอลิกไทย ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อม สำหรับการอัดเสียงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

เอ้า ! ร้อนจัง หน้าต่าง ประตู ถูกเปิดออก พัดลมในห้องเริ่มหมุน ได้สัมผัสกับบรรยากาศภายนอกที่เย็นสบาย ที่พร้อมจะเริ่มงานต่อ อัดเสียงเสร็จแล้ว ขอบคุณนะค่ะ นายช่าง ! ครับผม ทุกคนต่างก็เริ่มงานของตนเองอย่างขะมักเขม้น

ท่านผู้อ่านที่รัก ท่านคงสงสัยว่า รายการวิทยุบอกเล่าเก้าสิบ จัดรายการอะไร ท่านลองเปิดใจตัวเอง เหมือนที่ท่านเปิดประตูบ้าน ต้อนรับแขกมาเยือน คาทอลิกเพื่อนบ้านของท่าน ท่านจะได้พบกับเนื้อหาสาระที่เรา จัดสรรเพื่อท่านโดยเฉพาะ บทเพลงศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเล่าในพระคัมภีร์ ห้องรับแขก และข้อคิด เตือนใจ ที่แตกต่างจากรายการวิทยุอื่นๆ ที่ท่านเคยได้รับฟัง ในอีกไม่ช้านี้ เราหวังว่า จะได้รับการตอบรับที่ดี และยินดีที่จะรับคำติชม จากท่านผู้ฟัง ที่ ติดตามรายการเรามาโดยตลอด .....

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พิธีเสกศาลาไลฟ์ร่วมกัน

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2010

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2553 คุณพ่อเจ้าอาวาสทำพิธีเสกศาลา Life Ruam Kan
ซึ่งศาลาเอนกประสงค์หลังนี้จะถูกใช้สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆของวัด
เช่น การเรียนคำสอน การทำกิจกรรมของเยาวชน ฯลฯ
ซึ่งในโอกาสนี้ทางวัดของเราขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ได้บริจาคทรัพย์สิน ส่วนตัวในการสร้างศาลา โดยเฉพาะคุณรอฟฟิ่ง บิดาของบร.เบริ์น ที่ได้บริจาคเงินส่วนมากในการสร้างศาลาหลังนี้




วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รายการ วิทยุ คาทอลิกบอกเล่าก้าวสิบโดยวัดอัครเทวดามีคาแอล วันที่ 13 มิ.ย. 2553

สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา

เริ่มต้นแล้ว! " กิจกรรมทักษะชีวิตสู่สังคมอย่างมีสุข"

กิจกรรมทักษะชีวิตสู๋สังคมอย่างมีสุข โดย วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู ซึ่งกิจกรรมของเราก็ได้รับความสนใจจากบรรดาเยาวชนและได้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับเราจำนวน 35 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสมควร ซึ่งทุกคนจะรวมกันที่วัดทุกๆวันอาทิตย์และทำกิจกรรมเวลา 09.45-10.45 น. ซึ่งกิจกรรมของเรามีกำหนดเวลา 34 สัปดาห์

องค์ประกอบของทักษะชีวิตของเราก็ได้ปรับให้เข้าวัฒนธรรมและสถานที่ และมุ่งเสริมสร้างทักษะชีวิตให้กับผู้เ้ข้าร่วม ซึ่งมีทักษะที่เป็นหัวใจสำคัญในการดำรงชีวิต ดังนี้

1.ทักษะการตัดสินใจ(Decision making)
2.ทักษะการแก้ปัญหา(Problen Solving)
3.ทักษะการคิดสร้างสรรค์(Creative thinking)
4.ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ(Critical thinking)
5.ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ(Effective communication)
6.ทักษะการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล(Interpersonal relationship)
7.ทักษะการตระหนักรู้ในตน(Self awareness)
8.ทักษะการเข้าใจผู้อื่น(Empathy)
9.ทักษะการจัดการกับอารมณ์(Coping with emotion)
10.ทักษะการจัดการกับความเครียด(Coping with stress)

ซึ่งจากองค์ประกอบของทักษะชีวิต 10 ประการ เมื่อนำไปจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตให้กับกลุ่มเป้าหมาย สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ดังนี้
1.ทักษะชีวิตทั่วไป ตือ ความสามารถพื้นฐานที่ใช้เผชิญปัญหาปกติในชีวิตประจำวัน เช่น ความเครียด สุขภาพ การคบเพื่อน การปรับตัว ครอบครัวแตกแยก การบริโภคอาหาร ฯลฯ
2.ทักษะชีวิตเฉพาะ คือ ความสามารถที่จำเป็นในการเผชิญปัญหาเฉพาะ เช่น ยาเสพติด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไฟไหม้ นำ้ท่วม การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ฯลฯ

ซึ่งกิจกรรมทักษะชีวิตสู่สังคมอย่างมีสุขนี้เราก็หวังว่าจะเสริมสร้างทักษะในการดำเนินชีวิตของผู้เข้าร่วมเพื่อบุคคลเหล่านี้จะเติบโตขึ้นเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมต่อไป

รำพึงพระวาจา สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือซามู แอล ฉบับที่สอง 2 ซมอ 12:7-10,13

ประกาศกนาธัน จึงทูลกษัตริย์ดาวิดว่า ‘พระองค์คือชายคนนั้น พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เราได้เจิมตั้งท่านเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล เราได้ช่วยท่านให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของซาอูล เราได้มอบผู้คนในครอบครัวของเจ้านายของท่าน มอบภรรยาของเจ้านายให้อยู่ในอ้อมกอดของท่าน และมอบพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์แก่ท่าน ถ้าทั้งหมดนี้ยังไม่พอ เราจะให้มากกว่านี้อีก ทำไมท่านจึงลบหลู่พระยาห์เวห์ กระทำสิ่งชั่วร้ายเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์? ท่านให้อุรียาห์ ชาวฮิตไทต์ถูกฆ่า ปล่อยให้ชาวอัมโมนฆ่าเขา แล้วเอาภรรยาของเขาเป็นภรรยาของตน เพราะเหตุนี้ จะมีคนในวงศ์ตระกูลของท่านถูกฆ่าอยู่เรื่อย ๆ เพราะท่านได้ลบหลู่เราเอาภรรยาของอุรียาห์มาเป็นภรรยาของท่าน”

กษัตริย์ดาวิดตรัส กับนาธันว่า ‘ข้าพเจ้าได้ทำบาปผิดต่อพระยาห์เวห์แล้ว’ นาธันทูลตอบว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงให้อภัยบาปพระองค์แล้ว พระองค์จะไม่ต้องสิ้นพระชนม์’

เพลงสดุดี สดด 32:1-3,5-6,10-11

ก) ชนผู้ใดพระอภัยบาปหายสิ้น ดวงชีวินย่อมเป็นสุขทุกแห่งหน
เมื่อพระ เจ้าไม่ทรงกล่าวโทษตน เขาเป็นคนไม่ลวงใครให้หลงลม
เมื่อข้าฯ ไม่ยอมมาสารภาพ ปิดบังบาปผิดหนักจักขื่นขม
ตลอดวันร่ำไห้ใจตรอมตรม อ่อนอารมณ์และละเหี่ยเพลียใจกาย

ข) ข้าฯจึงยอมสารภาพบาปทั้งหลาย สิ่งชั่วร้ายเคยปกปิดผิดใดเหมือน
แล้วพระองค์ทรงอภัย ไม่เคยเบือนไม่ลืมเลือนยกโทษหมดมลทิน
ฉะนั้นไซร้ให้บรรดาผู้จงรัก มีใจภักดิ์ต่อพระองค์ซื่อตรงถวิล
วอนพระยามทุกข์เข็ญเป็นอาจิณ พระได้ยินทรงช่วยไม่ม้วยมรณ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวกาลาเทีย กท 2:16,19-21

พี่น้อง เรารู้ว่า มนุษย์มิได้เป็นผู้ชอบธรรมจากการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ชอบธรรมจากความเชื่อในพระคริสต เยซูเท่านั้น เรามีความเชื่อในพระคริสตเยซูเพื่อจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อใน พระคริสตเจ้า มิใช่จากการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เพราะไม่มีมนุษย์คนใดเป็นผู้ชอบธรรมจากการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ

เพราะอาศัยธรรม บัญญัตินั่นแหละข้าพเจ้าจึงได้ตายไปจากธรรมบัญญัติแล้ว เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่สำหรับพระเจ้า ข้าพเจ้าถูกตรึงกางเขนกับพระคริสตเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ตัวข้าพเจ้าอีกต่อไปแต่พระคริสตเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่ในตัวข้าพเจ้า ชีวิตที่ข้าพเจ้ากำลังดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตในความเชื่อถึงพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงรักข้าพเจ้าและ ทรงมอบพระองค์เพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามิได้ทำให้พระหรรษทานของพระเจ้าต้องไร้ผล ถ้าเรารับความชอบธรรมโดยปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ พระคริสตเจ้าก็สิ้นพระชนม์โดยเปล่าประโยชน์

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 7:36-50

ชาว ฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของชาวฟาริสีนั้นและประทับที่โต๊ะ ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสีผู้นั้น จึงถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมเข้ามาด้วย นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ ๆ พระบาท ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาทจูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาทนั้น

ชาวฟาริสีที่ทูลเชิญ พระองค์มาเห็นดังนี้ก็คิดในใจว่า “ถ้าผู้นี้เป็นประกาศก เขาคงจะรู้ว่าหญิงที่กำลังแตะต้องเขาอยู่นี้ เป็นใครและเป็นคนประเภทไหน นางเป็นคนบาป” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามีเรื่องจะพูดกับท่าน” เขาตอบว่า “เชิญพูดมาเถิด อาจารย์” พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้อยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าร้อยเหรียญ อีกคนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าสิบเหรียญ ทั้งสองคนไม่มีอะไรจะใช้หนี้ เจ้าหนี้จึงยกหนี้ให้ทั้งหมด ในสองคนนี้ คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน” ซีโมนตอบว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นคนที่ได้รับการยกหนี้ให้มากกว่า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินถูกต้องแล้ว”

พระองค์ทรงหันพระ พักตร์มาทางหญิงผู้นั้น ตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงผู้นี้ใช่ไหม เราเข้ามาในบ้านของท่าน ท่าน ไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้เรา แต่นางได้หลั่งน้ำตารดเท้าของเราและใช้ผมเช็ดให้ ท่านไม่ได้จูบคำนับเรา แต่นางจูบเท้าของ เราตลอดเวลาตั้งแต่เราเข้ามา ท่านไม่ได้ใช้น้ำมันเจิมศีรษะให้เรา แต่นางใช้น้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านว่าบาปมากมายของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมีความรักมาก ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย”

แล้วพระองค์ตรัสกับ นางว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” บรรดาผู้ร่วมโต๊ะจึงเริ่มพูดกันว่า “คนนี้เป็นใคร จึงทำได้ แม้แต่การอภัยบาป” พระองค์ตรัสกับหญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด”

ข้อคิด

การให้ที่ยิ่งใหญ่และมีค่ามากที่สุดคือการให้อภัย มีใครบ้างที่ไม่เคยกระทำความผิด เมื่อทำผิดแล้วยอมรับผิดและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ความสุขจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

วีรกรรมของยูดาส อิสคาริโอส ภาค 1


ขณะที่พระเยซูและบรรดาอัครสาวกทั้ง 12 สอง กำลังจะเดินผ่านทะเลทรายจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังหมู่บ้านหนึ่ง ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยง บรรยากาศในตอนนั้นช่างร้อนเหมือนนั่งอยู่ในเตาผิงย้ังไงยังงั้นเลย บรรดาอัครสาวกเริ่มร้อนและรู้สึกเหนื่อย

เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่หนึ่งมีต้นไม้และก้อนหินวางอยู่เรียงราย พระเยซูตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า "เอาล่ะให้ทุกคนยกหินขึ้นมาแบกคนล่ะหนึ่งก้อน" ด้วยความงุนงงเป็นอันมากของบรรดาสาวกว่าอยู่ดีๆ ทำไมอาจารย์ถึงให้แบกก้อนหิน และเมื่อทุกคนแบกก้อนหินอันหนักอึ้งบนบ่าแล้วพระเยซูเจ้าทรงตรัสต่อว่า "เราจะเดินทางต่อ" พระวาจานี้ทำให้เกิดความฉงนฉลเท่ห์กับสาวกยิ่งนัก

ทุกคนแบกก้อนหินอันเบ้อเร้อเท่อเว้นเสียแต่ยูดาสที่หยิบเพียงก้อนหินขนาดเท่านิ้วก้อย เวลาเที่ยงผ่านไป บ่ายคลืบคลานมาแทนยิ่งสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าจากแสงแดดและความหิวกระทายได้ดีอย่างยิ่ง สาวกคนหนึ่งถามพระเยซูว่า"พระองค์ เมื่อไหร่จะหยุดพัก" พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า "เอาล่ะทุกคนหยุดพัก" ดังนั้นสาวกก็รีบวางก้อนหินที่แบกไว้ทันที ยูดาสจึงพูดขึ้นว่า "ข้ารู้สึกหิวข้าว" ดังนั้นพระเยซูจึงสั่งให้บรรดาสาวกนำหินของตัวเองมาวางไว้ข้างหน้าและพระเยซูก็เสกก้อนหินเป็นขนมปัง ทุกคนกินขนมปังอย่างเมามันด้วยความหิว เว้นเสียแต่ยูดาสเท่านั้น....

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ศีลแห่งการประัทับอยู่

โอกาสวันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันที่มีสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กคำสอนของวัดที่เตรีัยมตัวและเรียนคำสอนมาหลายปีเพื่อที่จะรับศีลมหาสนิทครั้งแรก และในวันนี้เองคุณพ่อเจ้าอาวาสเห็นเหมาะสมให้เด็กคำสอนของวัด 4 คนรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันนี้ท่ามกลางความยินดีและความตื่นเต้นที่อยู่ภายใต้ชุดสีขาวดุจสำลีซึ่งบุคคลที่กำลังจะรับศีลสวมใส่ บรรยายกาศเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีของผู้รับศีลเองและของสัตบุรุษที่มาร่วมเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่รับศีลมหาสนิท

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รายการ วิทยุ คาทอลิกบอกเล่าก้าวสิบโดยวัดอัครเทวดามีคาแอล วันที่ 6 มิ.ย. 2553

สบาย สบาย ไสตล์เยาวชน


พันปีของพระเจ้าเท่าหนึ่งวัน
มันแสนสั้นเหมือนวานผ่านไปสิ้น
ดุจกลางคืนเร็วไวใส่ปีกบิน
มันผันผินรีบเลี่ยงเพียงวันเดียว

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน เผลอแผลบเดียวเราก็เดินทางมากลางปี 2010 อย่างเร็วไวใส่ปีกบิน เมื่อมองย้อนกลับทำให้รู้สึกใจหายอยู่บ้าง ในเดือนนี้เทศกาลที่หลายคนทั่วโลกกำลังรอคอยนั่นคือ เทศกาลฟุตบอลโลก 2010 ฉบับซาฟารี ที่แอฟริกาเป็นสิ่งที่ทุกคนใจจดใจจ่อโดยเฉพาะบรรดาน้องเยาวชนก็กำลังพูดถึงกระแสฟีฟ่า เวิล์ด คัพ อย่างเมามัน แต่อีกมุมหนึ่งเยาวชนวัดของเราหนึ่งคนและเด็กที่เรียนคำสอนอีก 3 คนซึ่งกำลังรอคอยวันนั้นได้มาถึงคือวันที่รับเสด็จองค์พระคริสตเจ้าเข้ามาในชีวิตเป็นครั้งแรกในชีวิตภายใต้รูปปรากฏของแผ่นปังซึ่งจะรับศีลมหาสนิทครั้งแรกนี้ในวันสมโภชพระคริสตวรกาย การรับศีลมหาสนิทครั้งแรกนี้ถือว่ามีความหมายและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับคริสตชนผู้ซึ่งได้รับศีลล้างบาป ผลของศีลศักดิ์สิทธิ์ประการนี้เมื่อแล้วจะทำให้ความสนิทสัมพันธ์ของเรากับพระคริสตเจ้าและกับพระศาสนจักรเพิ่มพูนขึ้น รักษาและฟื้นฟูชีวิตพระหรรษทานที่เราได้รับในศีลล้างบาปและศีลกำลัง และทำให้เราเติบโตขึ้นในความรักต่อผู้อื่น ทำให้เข้มแข็งในความรักเมตตา ชำระบาปเบาและปกปักษ์รักษาเราให้พ้นจากบาปหนักในอนาคต และในโอกาสนี้คณะเยาวชนวัดก็ขอร่วมแสดงความยินดีกับน้องเมย์สมาชิกเยาวชนของเรา ซึ่งได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกในโอกาสนี้ด้วย ขอให้การประทับอยู่ของพระเยซูมีความหมายอยู่ภายในจิตใจเสมอ

บุคคลของเดือน

บันทึกความในจากใจบราเดอร์เบริ์น


สวัสดีครับผมชื่อ บราเดอร์เบริ์น ผมเป็นนักบวชคณะ SVD ผมมาจากประเทศเยอรมัน ผมเป็นนักบวชที่ต้องมาฝึกงานต่างประเทศ 3 ปี ผมเลือกมาที่ประเทศไทย และที่หนองบัวลำภู ผมจะมาอยู่ที่นี่ 1ปี 6 เดือน หลังจากนั้นผมก็จะกลับประเทศออสเตรียเพื่อเตรียมถวายตัวตลอดชีพ ในคณะ SVD ผมดีใจมากที่ได้มาอยู่เมืองไทย เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ผมได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับงานของคณะ SVD ที่ทำในจังหวัดหนองบัวลำภู แล้ววันหนึ่งผมคิดว่า ผมอยากจะมาทำงานที่จังหวัดหนองบัวลำภู

หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดที่น่าอยู่มากผมชอบอยู่ในชนบท ผมชอบขี่รถ-มอเตอร์ไซค์ชมบรรยากาศ ธรรมชาติที่สวยงาม ดอกไม้สีขาว ต้นไม้สีเขียว ทำให้ผมมีความรู้สึกที่ดี เมื่อมาอยู่ที่นี่ผม ดีใจมาก เพราะทุกคนยินดีต้อนรับผม ทุกคนพยายามพูดคุยกับผม ถึงแม้ว่าผมจะพูดภาษาไทยไม่เก่ง แต่ทุกคนก็ยินดีที่จะมีไมตรีกับผม ผมเรียนภาษาไทยที่กรุงเทพ ที่กรุงเทพไม่มีใครที่ผมรู้จัก แต่ที่หนองบัวมีคณะ SVD และคาทอลิกที่คอยต้อนรับ ผมคิดถึงหนองบัวมาก คิดถึงทุกวัน ทุกชั่วโมง เมื่อได้มาอยู่แล้วก็มีความสุข

ผมมีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศในวัดได้เล่นกีตาร์ร่วมกับเยาวชน ทำกิจกรรมทุกวันอาทิตย์ ผมทำงานประจำที่บ้าน-นิจจานุเคราะห์ เพราะผมเป็นพยาบาล และเป็นครูสอนพยาบาลที่ประเทศออสเตรียและเยอรมัน แต่ที่หนองบัว ผมเป็นเด็กนักเรียน เพราะที่ประเทศที่ผมอยู่ มีโรคติดเชื้อน้อยมาก ผมต้องอาศัยการเรียนรู้และประสบการณ์อีกมากในการทำงาน ผมคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก เมื่อถึงเวลานั้นผมคงคิดถึงหนองบัวมาก เพราะผมต้องกลับประเทศเยอรมัน เพื่อเตรียมถวายตัวตลอดชีพ ในคณะ SVD เมื่อผมถวายตัวตลอดชีพแล้ว ในอนาคตข้างหน้าผมปรารถนาที่จะกลับมาที่หนองบัวลำภู อีกครั้ง ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า

บร.เบริ์น รอฟฟิ่ง,SVD



คิดอย่างไรเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า

สารวัดในหน้าของเยาวชนขอให้การต้อนรับพี่ส้ม เยาวชนที่สนใจในการค้นหาประสบการณ์ของตนเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า ทางผู้จัดทำสารวัดจึงได้สัมภาษณ์พี่ส้มถึงความเป็นมาว่าทำไมจึงสนใจในคริสต์ศาสนา


•สวัสดีครับพี่ส้ม
-สวัสดีค่ะ

•เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาขอถามคำถามแรกเลยแล้วกันครับ ก่อนที่พี่ส้มจะได้มาเรียนคำสอนกับคุณพ่อโทนี่ ศาสนาคริสต์ในความคิดของพี่ส้มเป็นอย่างไร
-อืม...ก็เคยพอได้ยินมาคร่าวๆ น่ะค่ะเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แต่โดยส่วนตัวส้มเอง ส้มคิดว่า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาแห่งความรัก เป็นดินแดนของพระผู้เป็นเจ้าเป็นสวรรค์ที่พบได้บนแผ่นดิน เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนจำนวนมากค่ะ

•ครับผมและเมื่อพี่ส้มได้มาเรียนคำสอนแล้ว ทัศนคติของพี่ส้มเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนเกี่ยวกับศาสนาคริสต์
-เมื่อได้มาเรียนคำสอนแล้วศาสนาคริสต์มีความลึกซึ้งมีความมหัศจรรย์แฝงอยู่ในข้อความเชื่อมากมายและยิ่งได้มาร่วมพิธีกรรมต่างๆ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าสนุกเพราะในพิธีกรรมมีการขับร้องเพลง และมีอริยบทต่างๆ ที่ทำให้ไม่น่าเบื่อขณะร่วมพิธีกรรม

•การที่พี่ส้มได้เรียนข้อคำสอนและข้อปฏิบัติของต่างๆ ศาสนาแล้ว พี่ส้มได้นำไปปฎิบัติในชีวิตบ้างหรือเปล่าหรือว่ายังปฏิบัติศีล 5 อยู่ครับ
-ค่ะ ตอนนี้ก็ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าอยู่และก็พยายามปฏิบัติให้เป็นจริงในชีวิตมากขึ้น อาจจะไม่ดีเท่ากับผู้ที่เป็นคาทอลิก แต่ก็พยามปฏิบัติอยู่ค่ะ เมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อฟังยาย น้า เมื่อได้เรียนบทบัญญัติก็เชื่อฟังท่านมากขึ้นและก็หยุดงานในวันอาทิตย์ แต่ก็ยังทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ช่วยน้าหลังจากที่กลับจากวัด

•พี่ส้มอยากทำอะไรเพื่อให้ความเชื่อของตัวเองเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
-ตอนนี้ได้สวดภาวนาเป็นประจำค่ะทั้งเช้าและเย็น และก็อ่านพระคัมภีร์ และเรียนรู้การสวดสายประคำ

•ครับผมก็หมดคำถามแล้วครับ ทางผู้จัดทำสารวัดก็ขอขอบคุณพี่ส้มมากน่ะครับที่ได้แบ่งปันชีวิตของพี่ส้มเพื่อลงในสารวัดฉบับนี้ ขอบคุณครับพี่ส้ม ขอพระเจ้าอวยพรครับ
-ด้วยความยินดีค่ะ ขอพระเป็นเจ้าอวยพรเช่นกันค่ะ

ข่าวกิจกรรมวัด

งานอภิบาลสัตบุรุษ


เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมาคุณพ่อแอนโทนี่ เจ้าอาวาสวัดและครูแหม่ม ได้ออกเยี่ยมสัตบุรุษหนองบัว ถามไถ่สารทุกข์ สุกดิบ เพราะคาทอลิกหนองบัวประกอบอาชีพค้าขาย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดกิจศรัทธา ทางวัดจึงมีนโยบายที่จะออกเยี่ยมในรูปแบบเชิงรุก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างวัดและครอบครัวสัตบุรุษ โดยที่ต่างฝ่ายก็เห็นความสำคัญและปฏิบัติหน้าที่ของตน ตามที่ได้รับมอบหมาย ชีวิตสงฆ์ก็ทำหน้าที่ของสงฆ์ ส่วนฆราวาสก็ทำหน้าที่ของฆราวาส แต่ก็ขอให้มีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน คือ มีองค์พระคริสต์เจ้าเป็นศูนย์กลางในใจ โดยได้เยี่ยม ครอบครัว คุณเตือน แก่งมงคล ร้าน เฟอร์นิเจอร์ , คุณแหม่ม ร้านทอง 5 ดาว , คุณไก่ ร้านเกื้อกูล ทุกครอบครัวให้การต้อนรับเป็นอย่างดี คุณพ่อยังได้มีของฝากอันแสนศักดิ์สิทธิ์ คือ สายประคำและน้ำเสก ปี 2553 ในการเยี่ยมบ้านสัตบุรุษครั้งนี้ทำให้มีความเข้าใจและสนิทสัมพันธ์กับ คริสตชนมากขึ้น โปรดติดตาม และรอคอยการเยี่ยมบ้านของเราในครั้งต่อไป


เล่าสู่กันฟัง

สำนักงานบ้านนิจจานุเคราะห์ หนองบัวลำภู ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในชุมชนวัดและในจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งในสารวัดฉบับนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณพรพรรณ อินธิเสน โพธิ ผู้อำนวยการสำนักงานบ้านนิจจาฯ ซึ่งท่านได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานบ้านนิจจาฯ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม –30 พฤษภาคม 2553 มาฝากท่านผู้อ่านในสารวัดฉบับนี้ ซึ่งทางผู้จัดทำสารวัดขอขอบคุณท่านไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยซึ่งการดำเนินงานของบ้านนิจจาฯ มีดังต่อไปนี้

1.การให้ การดูแลผู้ป่วยในบ้านพักฟื้น
- จำนวนผู้เข้ามาพักฟื้นตั้งแต่ ม.ค.53 -พ.ค.53 รวม 15 คน

2.การช่วยเหลือ/สงเคราะห์เด็กที่ได้รับผล กระทบจากเอดส์
- มอบนมอาหารเสริมแก่เด็ก จำนวน 20 คน/ชุดนักเรียน 360 คน

3.ทุนประกอบอาชีพ
- การเกษตร จำนวน 15 ครอบครัว(อำเภอสุวรรณคูหา อ.เมือง อ.ศรีบุญเรือง)

4.การเยี่ยม บ้าน และการให้การปรึกษา
- ติดตามออกเยี่ยมบ้าน และ ให้การปรึกษาที่บ้านและที่สำนักงาน

5.การพัฒนาศักยภาพ บุคลากร/ประสานงานร่วมมือกับองค์กรอื่น -โรงพยาบาลหนองบัวลำภู/สสจ./พมจ./อบจ./อบต./สนง.เขต1/เทศบาล/โรงเรียน ฯลฯ
- เหล่ากาชาด/ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย/เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์/มูลนิธิพัฒนา เครื่อข่าย(เอสด์เนท)

6.เปิดบ้านพักเยาวชน “บ้านแม่มารีย์”
- มีเด็กและเยาวชนในความดูแล 7 คน

7.เวทีสรุปบทเรียนแกนนำกลุ่มชาย รักชาย
- แกนนำในเขต อ.เมือง 30 คน


ขอเชิญร่วมทำบุญสมทบสร้างศาลาเอนกประสงค์

วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล ได้รับเงินบริจาค จาก Mr. Ruffing เงินบริจาคนี้เป็นของทุกๆคนที่ให้เงินเป็นของขวัญในวันเกิดของ Mr. Ruffing ซึ่งท่านเป็นบิดา ของบราเดอร์เบริ์น ประเทศ-เยอรมัน โดยมีจุดประสงค์เพื่องานอภิบาลวัด ดังนั้นงานอภิบาลวัดยังขาดสถานที่ในการทำกิจกรรม ทางวัดจึงได้มีนโยบาย ในการสร้างศาลาเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของวัด ในการนี้ ทางวัดยังขาดงบประมาณบางส่วน ในการจัดและตกแต่งศาลาเพื่อให้สมบูรณ์สวยงาม ดังนั้น ขอเชิญชวนพี่น้องสัตบุรุษที่มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเงิน สร้างศาลาแห่งนี้


อบรม Pastoral Counseling

นางสาวรัตติยา ลำผาย (ครูแหม่ม)เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานด้านอภิบาลวัด คุณสวาท พิมพันธ์และคุณปรีชา บุรมและเจ้าหน้าที่บ้านนิจจานุเคราะห์เข้าร่วมอบรม Pastoral Counseling ที่ศูนย์คามิลเลียน ลาดกระบัง กรุงเทพ ในวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา

สิ่งที่ได้รับจากการอบรม

ได้รู้หลักในการให้คำปรึกษา อย่างถูกวิธีและมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ได้แลกเปลี่ยนความรู้แก่กันและกันมีความอบอุ่น มีความรู้สึกว่ามีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไปและอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี (คุณสวาท พิมพันธ์)

ผม จะทำงานตามหน้าที่ ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ ที่ผมดูแล และได้รับแนวทาง ในการให้คำปรึกษา แก่ผู้ป่วย เพิ่มเติม (คุณปรีชา บุรม)

สารจากพ่ออาวาส


พี่น้องที่เคารพรัก

ในช่วงนี้พวกเรากำลังประสบกับปัญหาอันใหญ่หลวงซึ่งส่งผลให้เกิด ความเครียดความวิตกกังวลว่าประเทศไทยและประชากรจะเป็นอย่างไรในอนาคต เมื่อเดือนที่แล้ว พ่ออยู่ที่ กรุงเทพและพ่อเองก็ได้เห็นเหตุการณ์การปิดล้อมสถานที่ต่างๆ ที่นั่น และก็รู้สึกถึงความน่ากลัวเมื่อเห็นผู้คนวิ่งบนถนนและได้ ยินเสียงปืนดังก้องทั่วถนน ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า กลุ่มชุมชนวัดของเราก็รู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยต่อสภาพของความขัดแย้งและการ ต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น

สถานการณ์เช่นนี้เป็นเวลาที่เราแต่ละคนต้องตระหนักถึงคำ สั่งขององค์พระเยซูคริสตเจ้าที่ทรงตรัสว่าจงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเรา เองอย่างพินิจพิเคราะห์ และทำให้ต้องพิจารณาทำให้ เป็นจริงในชีวิตเพื่อที่เราจะมีส่วนในการประสานความสามัคคีและนำสันติกลับมา สู่บ้านเมืองของเราและทำให้เกิดความเท่าเทียมกันมากกว่าที่เป็นอยู่

วัดของเราเองยังคงสวดภาวนาวอนขอ สันติภาพในมิสซาวันอาทิตย์และทุกวัน ทำนองเดียวกัน เราก็จัดสรรเวลาภาวนาพิเศษสำหรับวอนขอสันติภาพในวันเสาร์แรกของเดือน มิถุนายน การที่เราสวดด้วยความไว้วางใจและความจริง ใจในการภาวนาของเรานั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ก็ทรงสดับฟังโดยที่พระองค์ ทรงส่งพระจิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์จะลงมาและนำสันติมาสู่ความแตกแยก ชีวิตที่จมอยู่ในความตายและการสร้างขึ้นใหม่หลังจากการ ทำลาย

พระจิตเจ้าองค์แห่งสันติทรงประทับอยู่ ท่ามกลางชาวเราและพระองค์ทรงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อก่อให้เกิดสันติภาพบน โลก อย่างไรก็ตามพระองค์ไม่สามารถทำงานโดยลำพังได้ พระองค์ต้องการให้เราแต่ละคนร่วมมือในการทำงานที่ยาก ลำบากนี้กับพระองค์ เราจะต้องทำอย่างไรในการทำงาน ร่วมกับพระจิตเจ้า? และในที่นี้อยากจะหยิบยกบทภาวน ของนักบุญฟรังซิสเพื่อพวกเราจะได้ฉุกคิดและนำมาเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจ สำหรับเรา


ข้าแต่พระบิดา ขอพระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือของ พระองค์ เพื่อสร้างสันติ
ที่ ใดมีความเกลียดชัง ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความรัก
ที่ใดมีความแตกแยก ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความสามัคคี
ที่ใดมีความสงสัย ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความเชื่อ
ที่ใดมีความสิ้นหวัง ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความหวัง
ที่ใดมีความมืด ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความสว่าง
ที่ใดมีความเศร้าโศก ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำ ความยินดีเบิกบานใจ
ข้าแต่พระเป็นเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นผู้บรรเทา มากกว่าจะเป็นผู้รับการบรรเทา
เห็นใจผู้ อื่นมากกว่าจะรับความเห็นใจ
รักผู้อื่นก่อนและมากกว่าที่จะให้คนอื่นรัก ข้าพเจ้า
ผู้ที่ให้เท่านั้น จะได้รับความอิ่มเอิบยินดี
ผู้ ที่ยกโทษให้เท่านั้น จะได้รับการอภัยโทษ
ดังนี้เมื่อเราตาย จะได้ไปสู่พระราชัย ของพระองค์ชั่วนิรันดร

ขอให้เราแต่ละคนไม่ว่าเราเป็นเยาวชน หรือผู้ใหญ่ จะรวยหรือว่าจน จะ อยู่ในเมืองหรือในชนบท อย่าลืมว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ทุกที่และทุกสิ่งเป็นไปได้โดยพระผู้ เป็นเจ้า อย่างไรก็ตามเราต้องเชื่อและปฏิบัติตาม สิ่งที่เราเชื่อ

คุณพ่อแอนโทนี่ เลดึ๊ก,SVD

เจ้าอาวาส


Dear friends,


During this time, we are experiencing a lot of issues that make all of us anxious and worried for the future of the country and the Thai people. Last month, when I was in Bangkok, I also witnessed the chaotic state that was taking place in the capital city, and also felt fearful as I saw people running down the streets and heard the noise of gunfire taking place on the city streets. Our church community undoubtedly feels a lot of the stress and the anxiety due to the state of conflict and division that is happening.

It is in times like this that each of us must remember the commandment of Jesus to love our neighbors as ourselves even more intently. And as part of this, each of us must think of something concrete to do in order to contribute to bring peace and harmony back to Thailand, and even more abundantly than before.

Our church has been praying fervently for peace in our Sunday and weekday masses, as well as holding a special prayer program for peace on the first Saturday of June. We trust that our honest and heartfelt prayers will be listened by God who sends the Holy Spirit to help create peace from disharmony, life from death, and renewal from destruction.

The Spirit of Peace lives among us and is working incessantly for the cause of peace in the world. However, the Spirit cannot work alone, but needs each of us to collaborate in this difficult and strenuous work. How can we collaborate with the Holy Spirit? In this, let us turn to the Prayer of St. Francis for inspiration and direction.

Lord, make me an instrument of your peace;

where there is hatred, let me sow love;

where there is injury, pardon:

where there is doubt, faith ;

where there is despair, hope

where there is darkness, light

where there is sadness, joy

O divine Master,

grant that I may not so much seek to be consoled as to console;

to be understood, as to understand;

to be loved, as to love;

for it is in giving that we receive,

it is in pardoning that we are pardoned,

and it is in dying that we are born to Eternal Life.

 Amen.

May each of us, whether young or old, rich or poor, city dwellers or village folks, not forget that in God, everything is possible. However, we must believe, and  take actions that come from that belief.

   Fr. Anthony Le Duc, SVD

        Pastor

สารวัดประจำเดือนมิถุนายน 2553





วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เชิญมาสวดเพื่อสันติภาพในประเทศไทย


ขอเชิญพี่น้องทั้งชาวพุทธและคาทอลิก
ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในคำภาวนา
สำหรับสันติภาพในประเทศของเรา
ในวันเสาร์ ที่ 5 มิถุนายน 2553
เวลา 18.00 น.
ณ วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล
หนองบัวลำภู