วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ประชาสัมพันธ์(สารวัดประจำเดือนเมษายน 2011)

แผนอภิบาลวัดปีค.ศ 2011 – 2015(สารวัดประจำเดือนเมษายน 2011)



วัดอัครเทวดามีคาแอลได้จัดทำแผนอภิบาลวัดตามแผนอภิบาลของสังฆมณฑลอุดรธานี มี 10 แผนอภิบาล แต่ละแผนจะระบุกิจกรรมและวันที่จัดกิจกรรมอย่างชัดเจน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มคริสตชนในวิถีชุมชนวัด กิจกรรมและโครงการที่จัดทำขึ้นเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากแผนอภิบาลวัดในปีที่ผ่านมา มีกิจกรรมที่เพิ่มเติมเข้ามาในส่วนของการอภิบาลครอบครัว เด็ก เยาวชน สตรี คริสตชนกลุ่มพิเศษต่างๆ และงานด้านการอบรม สารวัดแต่ละเดือน จะนำเสนอแผนอภิบาลแต่ละแผนงาน เพื่อให้สัตบุรุษและผู้อ่านทุกท่านได้รับทราบในแผนอภิบาลของวัด สารวัดเดือนเมษายนนี้ขอนำเสนอแผนงานที่ 3 สร้างและพัฒนาผู้อภิบาลและผู้ร่วมงาน

“จงเลี้ยงดูแลแกะของพระเจ้า ที่อยู่ในความดูแลของท่าน จงดูแลด้วยความเห็นใจ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่ดูแลด้วยจำใจ จงดูแลด้วยความสมัครใจ มิใช่ดูแลเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง”. (1ปต. 5:1-2)

1.สร้างและพัฒนาผู้อภิบาลให้เป็นผู้เลี้ยงที่ดี ตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นทั้งสงฆ์ ประกาศกและกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
2.สร้างและพัฒนาผู้ร่วมงานอภิบาล ในชุมชนวัดและสถานศึกษา (อ้างอิง บทที่ 3 แผนอภิบาลสังฆมณฑลอุดรธานี)

แผนงานที่ 3 วัดอัครเทวดามีคาแอล มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.เปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง,ผู้สูงอายุเป็นวิทยากรถ่ายทอดความเชื่อและแนะนำแนวทางที่ถูกต้องสำหรับบุตรหลานในโอกาสต่างๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถปลูกฝังให้ลูกหลาน ได้เห็นคุณค่าของปูชณียบุคคล เช่น

1.1 กิจกรรมงานวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม
1.2 กิจกรรมงานวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม
1.3 กิจกรรมรดน้ำขอพรผู้สูงอายุหลังมิสซาวันอาทิตย์ ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์

2.ส่งเสริมการอบรมในด้านต่างๆ สำหรับ สภาอภิบาลวัด ครู คำสอน สัตบุรุษวัด ตามบทบาทและหน้าที่ของตนในระดับ เขตสังฆมณฑล เพื่อพัฒนาชุมชนวัดให้เข้มแข็ง

3.จัดให้มีการศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวทางการอภิบาลกับสภาอภิบาลวัดใกล้เคียง

4.เจ้าอาวาสวัดเข้ารับการอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาทักษะในการทำงานอภิบาล โดยเข้าร่วมการอบรมสัมมนา การอ่านหนังสือและเสวนากับผู้ที่มีประสบการณ์

สุขสันต์วันปัสกา

ขอสุขสันต์วันปัสกาก่อนใครอื่น จากแผนกพิธีกรรมของวัด เพื่อที่ว่าเราแต่ละคนจะได้เตรียมจิตใจให้พร้อมในการสมโภชปัสกาอย่างสมเกียรติเปล่งเสียงสรรเสริญพระองค์ด้วยจิตใจที่ปิติยินดี สมโภชปัสกาปีนี้  ตรงกับวันอาทิตย์ที่  24  เมษายน  2011ความหมายของคำว่า ปัสกา  คือ  การเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า หลังจากถูกทรมานและถูกตรึงและตายบนไม้กางเขน "หรืออีกความหมาย คือ การผ่านความทุกข์ สู่ความยินดีโดยอาศัยการทนทุกข์ทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสต์ ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ การฉลองการได้รับชีวิตที่เป็นอิสระจากบาป และความตาย   หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการตายจากบาปนั่นเอง 
          
เทศกาลปัสกา  ส่วนใหญ่แล้วคริสตชนจะมองข้ามความ.สำคัญของเทศกาลนี้  ชาวไทยที่นับถือศาสนาคริสต์  พุทธ และศาสนาอื่นๆ จะรู้จักวันคริสต์มาสมากกว่าเทศกาลปัสกา  ตามความเห็นส่วนตัวแล้ววันคริสต์มาสจะเป็นวันที่ทุกคน ให้ความสำคัญทางด้านวัตถุมากกว่าด้านจิตใจ  มองว่าช่วงเวลาของวันคริสต์มาสเป็นวันที่ร้านค้าต่างๆ ได้รับผลกำไรจากการค้าขายมากกว่าให้ความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส  
ในขณะเดียวกัน ถ้าคริสตชนไม่ทราบถึงความหมายของเทศกาลปัสกา มันคงไม่ต่างอะไรกับ คนทั่วๆไป ที่ไม่ทราบถึงความหมายของวันคริสต์มาส  ดังนั้น ก่อนที่จะสมโภชปัสกาที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ ขอให้เราคริสตชนได้ค้นพบกับชีวิตความปิติยินดีใน  50 วันแห่งการเปล่งเสียง "อัลเลลูยา" สรรเสริญพระเจ้า 50 วัน แห่งการใช้ชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความยุติธรรม และสันติสุข ซึ่งเต็มเปี่ยมในตัวเรา เมื่อรวมทั้ง 3 ช่วงเข้าด้วยกัน คือ มหาพรต สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ และปัสกา จึงกลายเป็นการผลิบานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร

รัตติยา ลำผาย
    

ปิดเทอมอันตราย(สารวัดประจำเดือนเมษายน 2011)


"มีพ่อแม่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะมีเงินส่งลูกให้ไปเรียนพิเศษ หรือเข้าค่ายทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วง ปิดเทอม แต่มีเด็กส่วนใหญ่ที่ต้องอยู่กับสิ่งไม่สร้างสรรค์ทั้งสมองและสติปัญญา“...เป็นการระบุของ นพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)
   
ตอกย้ำถึงสถานการณ์ปัญหานี้ จากผลสำรวจเอแบคโพลในปี 2551 พบว่า ช่วงปิดเทอมเด็กและเยาวชน 84.9% ใช้เวลาไปกับการชอปปิงตามห้าง อีก 67.3% ดูโทรทัศน์/วิดีโอ ขณะที่ 62.1% เล่นอินเทอร์เน็ต และ 52.2% เล่นเกมคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นเมื่อสำรวจ
กิจกรรมไม่สร้างสรรค์ ที่เยาวชนทำในช่วงปิดเทอม อันดับแรก 53.8% ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อดูภาพโป๊เปลือย อีก 41.5% ดูวิดีโอ-ดีวีดีที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ 29.1% มีเพศสัมพันธ์กับแฟน/คู่รัก และ 18.3% ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ทั้งนี้ ในช่วงปิดเทอมเด็กและวัยรุ่นนิยมเข้าไปใช้บริการร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ซึ่งมัก พบปัญหา ถูกข่มขู่ รีดไถ มากที่สุด รองลงมา ถูกทำร้ายร่างกาย ตบ ตี ชก ต่อย, เป็นหนี้ร้านอินเทอร์เน็ต, ถูกลวนลามทางเพศ พยายามข่มขืน, ถูกบังคับให้สูบบุหรี่ตามลำดับ   

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ จำนวนเด็กหายออกจากบ้านมีมากขึ้น จากสถิติศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี มูลนิธิกระจกเงา พบว่าช่วงต้นปี 2553 มีเด็กหายถึง 70 คน โดย 90% เป็นเด็กผู้หญิง และจากสถิติที่ศูนย์เฝ้าระวังฯ รับแจ้งคนหายผ่านทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ในปี 2552 เฉลี่ยวันละ 10-15 ราย โดย 80% ติดตามกลับมาได้ และอีก 1% เสียชีวิต โดยเด็กที่หายไปส่วนใหญ่เป็นหญิง อายุ 11-15 ปี สอดคล้องกับข้อมูลการเสียชีวิตของเด็ก ในกลุ่ม 1-14 ปี ซึ่งเฉลี่ยเดือนละ 280 คน และพบว่า ในช่วงปิดเทอม เดือน เม.ย. เสียชีวิตมากที่สุด 400 คน รองลงมาคือ มี.ค. พ.ค. และ ต.ค. โดยสาเหตุอันดับ 1 คือ จมน้ำ 47% คิดเป็น 5-6 คน/วัน ในช่วงปิดเทอม รองลงมาคือ อุบัติเหตุอื่น ๆ และอันดับ 3 คือ อุบัติเหตุจราจร...” นพ.กฤษดา กล่าวและว่า 

พร้อมทั้งบอกว่า...กับการ “ปิดเทอมสร้างสรรค์” นั้น สสส. ได้รวบรวม 32 กิจกรรม แบ่งเป็น 5 ด้านคือ...1.สนุกสุดมันส์กับกิจกรรมสร้างสรรค์ อาทิ อบรมทำหนังสั้น ผลิตเพลงและมิวสิก- วิดีโอ ดนตรี ละคร ศิลปะ, 2.แค่ขยับเท่ากับเริ่มออกกำลังกาย อาทิ สอนว่ายน้ำ กิจกรรมเดิน-วิ่ง, 3.ฝึกทักษะสร้างอาชีพ, 4.อบรมกิจกรรมเสริมปัญญา, 5.ค่ายอาสาสร้างสุข อาทิ อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ

ขณะที่ นพ.สุริยเดช บอกว่า...กิจกรรมสันทนาการที่มีประโยชน์ ที่จะแก้ปัญหากิจกรรมไม่สร้างสรรค์ในช่วงปิดเทอมได้นั้น พ่อแม่ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก สลับสับเปลี่ยนกันทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยมี 6 ฐานกิจกรรมสำคัญคือ 1.ดนตรี ดูหนัง ฟังเพลง 2.ศิลปะ วาดภาพ สร้างงานศิลปะ ทั้งสองกิจกรรมนี้ช่วยสร้างจินตนาการให้เด็ก 3.เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ช่วยสร้างภูมิปัญญานอกหลักสูตร เพิ่มพัฒนาการเรียนรู้ 4.เที่ยววัด ช่วยปลูกฝังจิตสำนึก เพิ่มทักษะชีวิตและความพอเพียง 5.พลังกาย เพิ่มการออกกำลังกาย ผจญภัย ท่องเที่ยว 6.ทำสิ่งที่ชอบ สามารถสร้างพลังตัวตนให้กับเด็ก เพิ่มพลังครอบครัว กิจกรรมเหล่านี้สามารถพัฒนาทักษะได้ทุกวัย

“ปิดเทอมสร้างสรรค์” เรื่องนี้ควรต้องช่วยกันทำเพื่อมิให้เด็กไทยมีปัญหามากไปกว่าที่เป็นอยู่!!.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลี่นิวส์ 26 มีนาคม 2554

ค่ายคำสอนสัมพันธ์(สารวัดประจำเดือนเมษายน 2011)


บนความวิตกกังวลว่าในวันนั้น ฝนฟ้าอากาศจะไม่เอื้อในการจัดค่ายคำสอนสัมพันธ์ครั้งที่ 1 ณ วัดคาทอลิกอัครเทวดามีแอล จ.หนองบัวลำภู เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศช่างหนาวเหน็บและมีฝนฟ้าคะนองกระจายทั่วประเทศของเรา ในที่สุดความวิตกกังวลนั้นก็โบกมือลาไปพร้อมกับท้องฟ้าที่โปร่งใสและแสงแดดยามเช้าของวันเสาร์ ที่ 19 มีนาคม 2011

ทุกอย่างถูกตระเตรียมให้พร้อมสรรพสำหรับค่ายในระยะเวลาสั้นๆ จาก 8.00 น.-16.00 น. เท่านั้น แต่เวลานี้ก็ดูเหมือนจะมากพอที่น้องๆจาก 1.วัดอัครเทวดามีคาแอล 2.วัดพระมารดานิจจานุเคราะห์ บ.โพนสูงน้อย 3.วัดคริสตประจักษ์เมืองเลย ได้ตักตวงองค์ความรู้ใหม่ๆ ความสุข สนุนสนานได้ดุจเดียวกัน

กิจกรรมเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับประกายเทียนที่ถูกจุดขึ้นในมือของน้องๆ จาก 3 วัดและพี่ๆเยาวชนอาสาสมัคร 15คนรวมทั้งสิ้น 60 คน เพื่อขอพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ในวจนพิธีกรรมเปิดเพื่อจะได้ปฏิบัติภารกิจตลอดทั้งวันให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ลมพัด...ลมเพ...โอหละ...เฮ่...พัดมา...พัดไป....เสียงเพลงซักซ้อมความพร้อมเริ่มขึ้นและกิจกรรมละลายพฤติกรรมพร้อมกับแบ่งกลุ่มน้องๆ ให้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งกิจกรรมนี้สร้างบรรยากาศของการเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ได้เป็นอย่างดี

ภารกิจที่ 1 ที่น้องๆ ต้องเข้ารับการทดสอบนั้น คือ การหาความหมายของชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้านั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากพอสวมควร แต่นั่นจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเมื่อน้องๆ ได้พบกับซิสเตอร์ไพรวัลย์ วิทยากรที่จะให้ความรู้และความหมายเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์กับพระเยซู” และจะเป็นบุคคลสำคัญที่จะพาน้องๆ พิชิตภารกิจแรกให้สำเร็จลง!!! เมื่อภารกิจสิ้นสุด ทุกอย่างเป็นไปตามคาดครับ!!! เมื่อน้องๆ รู้ว่าจะนำความรู้จากกิจกรรมนี้ไปใช้เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพระเยซูได้ด้วยวิธีการใดบ้างและพักให้หายเหนื่อยกันสัก 2-3 นาทีรับน้ำรับของว่างนิดหน่อย

ภารกิจที่ 2 เองก็มิได้รั้งรอให้น้องๆ เข้าไปพิชิตมันแต่อย่างใด เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดน้องๆ ก็พร้อมลุยภารกิจที่ 2 ด้วยหัวใจที่ฮึกเหิมที่มีพระเยซูเดินทางมาพร้อมกับเขาจากภารกิจที่ 1 หลุมพรางที่ครูแหม่มผู้เป็นวิทยากรสำหรับภารกิจนี้ได้วางกลยุทธไว้นั้นจะมีน้องๆ คนไหนที่ตรงลงไปหรือทุกคนจะผ่านได้หรือจะตกลงไปพร้อมกัน “การสร้างมิตรภาพค่ะ” ครูแหม่มกล่าวพร้อมกับฉีกมุมปากยิ้มแบบละมุนละไม และก็แน่นอนว่าหลุมพรางนั้นใช้ไม่ได้ผลกับน้องๆ ผู้มีพระเยซูเป็นพลังหนุนนำชีวิต ทุกคนผ่านภารกิจที่ 2 มาพร้อมกับคำว่า “มิตรภาพที่ยั่งยืน” และน้องๆ ต่างก็รู้ว่าจะสร้างมิตรภาพนั้นอย่างไร
สิ้นสุดภารกิจในตอนเช้า...

หลังจากนั้นน้องๆซัดข้าวกล่องอย่างเอร็ดอร่อยและอย่างไม่ลืมหูลืมตากันเลยทีเดียว “ลืมหูลืมตาได้น่ะครับ แต่อย่าลืมว่าภารกิจของเรายังไม่สิ้นสุด” เยาวชนคนหนึ่งจ้องมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองพร้อมกับกระดาษใบหนึ่งที่ถืออยู่ในมือ “ได้เวลาแล้ว...เริ่มเลย”

13.15 น. ภารกิจที่ 3 ก่อนจะร่วมพิธีมิสซา ละครจริยธรรมซึ่งมีทั้งหมด 7 เรื่องมอบหมายให้พี่เยาวชนของวัดเป็นพี่เลี้ยงและนำน้องๆ แสดงละครสั้นตามโจทย์ของแต่ละกลุ่มที่ได้รับไป ต้องขอชมเชยน้องๆ ทุกคนว่า “นายแน่มาก” น้องๆ ทุกคนทำได้ดีทีเดียวเรียกได้ว่า อนาคตบนเส้นทางมายาอยู่แค่เอื้อม อะไรประมาณนั้นแหละครับ และต่อด้วยกิจกรรมระลึกถึงพี่น้องชาวญี่ปุ่นที่ประสบวินาศภัยแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งน้องได้กลั่นความรู้สึกออกมาเป็นข้อความสั้นเขียนลงกระดาษชาร์ตแผ่นใหญ่ซึ่งทางเราจะได้รวบรวมและส่งไปที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมที่ศาลานักบุญอาร์โนลดแล้วเราเดินทางมาที่วัดเพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ

เพลงปิดพิธีสิ้นสุดลงแต่ “ศึกแห่งศักดิ์ศรี” กำลังจะเริ่มต้นขึ้นมันคือการแข่งขันกีฬาฟุตบอลระหว่างฝ่ายเจ้าภาพคือน้องๆ จากวัดหนองบัวฯ ของเรากับอีกฝ่ายผู้มาเยือนคือ น้องๆ จากบ้านโพนสูงน้อย บนสังเวียนของการฟาดแข้งเป็นไปอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีจริงๆ ครับ ไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียวต่างฝ่ายต่างงัดแท๊กติกอันเหนือชั้นออกมาเพื่อก้าวไปคว้าชัยชนะมาครอบครอง และสีสรรที่ขนาบสองข้างสนามของกองเชียร์ก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้เกมส์การแข่งขันตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น ผลการแข่งขันเป็นของฝ่ายทีมเยือนมาเก็บชัยเหนือเจ้าภาพไปแบบฉิวเฉียดด้วยการดวลจุดโทษ แม้ผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร น้องๆ ทุกคนก็ยังคงแฮปปี้กันดีเพราะมีรางวัลจากคุณพ่อแอนโทนี่ เป็นช๊อกโกแลตที่อิมพอร์ต จากเมืองลุงแซม ประเทศสหรัฐอเมริกากันเลยทีเดียว
บรรยากาศใน “ค่ายคำสอนสัมพันธ์ครั้งที่ 1” ต้องถือว่าเป็นอีกวันที่น่าจะสร้างประทับใจให้กับผู้จัดค่ายและผู้เข้าร่วมค่ายอย่างดี และขอขอบพระคุณทุกฝ่ายที่เอื้อเฟื้อน้ำใจและให้ความร่วมมือในการจัดค่ายในครั้งนี้ แต่เหนืออื่นใดต้องกล่าวว่า “ทุกๆ อย่างถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยพระหรรษทาน และสำเร็จลงด้วยพระเมตตาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง”

กิจกรรมวัดประจำเดือนมีนาคม 2011 (สารวัดประจำเดือนเมษายน 2011)



ปิดกิจกรรมทักษะชีวิต
น้องๆ เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมทักษะชีวิตตั้งแต่เริ่มต้นกิจกรรมและสิ้นสุดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2011 โดยวันนั้นมีการมอบของรางวัลสำหรับน้องๆ เด็กและเยาวชน ที่ร่วมกิจกรรมอย่างดีและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องจำนวน 4 คน และมีกิจกรรมต่างๆ เช่น นันทนาการ การแสดงละคร ปิดท้ายด้วยการรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน สุดท้ายนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องๆ ทุกคนจะนำทักษะที่ได้รับนั้นไปปฏิบัติให้มากขึ้นเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของตนเองในทุกด้านของชีวิตต่อไป พบกันอีกครั้งในเดือนมิถุนายน


ค่ายคำสอนสัมพันธ์ครั้งที่ 1
ค่ายคำสอนที่มุ่งหวังเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างเด็กๆ คำ-สอน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 08.00 น.-16.00 น. ณ วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู มีเด็กเข้าร่วมจำนวน 43 คน จาก 3 วัด ดังต่อไปนี้ 1.วัดอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู 2.วัดพระมารดานิจจานุเคราะห์ บ.โพนสูงน้อย จ.อุดรธานี 3.วัดคริสตประจักษ์ จ.เลย


โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ภาคฤดูร้อนครั้งที่ 3
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2011 มีพิธีเปิดโครงการและเริ่มการเรียนเป็นวันแรก ซึ่งแบ่งเด็กออกเป็น 2 ช่วงชั้น คือ ประถมตอนต้นและตอนปลาย มีเด็กเข้าร่วมจำนวน 50 คน และวิทยากรได้รับเกีรยติจาก คุณพ่อแอนโทนี่ เลดึ๊กและบราเดอร์เบริ์น สอนภาษาอังกฤษ คุณครูแหม่มรับผิดชอบเด็กประถมต้น ส่วนประถมปลายรับผิดชอบโดยคุณครูจิระศักดิ์ (ครูเอ๊กซ์) ซึ่งเนื้อหาในการสอนนั้นจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ ที่เหมาะสมกับ วัย โดยมุ่งเน้นให้เด็กๆ ได้รับความสนุกสนานในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนของการเข้าร่วมโครงการ


ชุมนุมเยาวชน
เยาวชนเวียดนามของวัดเราจำนวน 16 คน เข้าร่วมทำกิจกรรม ณ บ้านพักร่วมใจ ตั้งแต่วันที่ 25-27 มีนาคม 2011 โดยมีสมาชิกจากองค์กรเยซูยูธ(Jesus Youth)จำนวน 4 ท่านเป็นวิทยากร ซึ่งการอบรมมุ่งเน้นไปในเรื่องของการฟื้นฟูจิตใจ



ส่งแรงใจไป ญี่ปุ่น
วัดอัครเทวดามีคาแอล ขอเป็นหนึ่งกำลังใจสำหรับพี่น้องชาวญี่ปุ่นที่ประสบวินาศภัยแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรม “จากใจคนไทย” โดยสัตบุรุษทุกคนได้เขียนความรู้ สึกหรือข้อความที่ให้กำลังใจสำหรับพี่น้องชาวญี่ปุ่น ซึ่งทางวัดของเราจะทำการประสานงานและจัดส่งข้อความที่ถูกเขียนทั้งหมดไปยังประเทศญี่ปุ่นต่อไป

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส(สารวัดประจำเดือนเมษายน 2011))


สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส

พี่น้องที่เคารพรักในพระคริสตเจ้า

เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ในช่วงภาคฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นทั้งในระดับวัดของเราและระดับสังฆมณฑลฯ เฉพาะในระดับวัดก็มีกิจกรรมที่หลากหลายในภาคฤดูร้อน เช่น ค่ายเด็กคำสอนสัมพันธ์ (19 มีนาคม 2011) โครงการพัฒนาทักษะชีวิตเด็กภาคฤดูร้อน(21มี.ค.-22 เม.ย.) และค่ายเยาวชน “ไลฟ์ร่วมกัน” ครั้งที่ 3 (8-10 เม.ย. 2011) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำหรับเทศกาลมหาพรตและสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเรามักจะพยายามให้ดีที่สุด ที่จะให้ทุกคนเข้าถึงความหมายที่แท้จริงของเทศกาล

ช่วงภาคฤดูร้อนอาจจะเป็นเวลาที่วัดมีบรรยากาศที่มีชีวิตชีวามากที่สุด และบุคลากรที่มีหน้าที่ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ก็มีบทบาทและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ช่วงเวลานี้ก็เป็นโอกาสที่ชี้ให้เราเห็นว่า วัดของเรามีบทบาทสำคัญในชุมชนไม่ใช่แค่เป็น สถานที่นมัสการพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่สำหรับส่งเสริมการพัฒนาชุมชนด้วยงานอภิบาลต่างๆ ของเรา เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่เห็นเด็กๆ มาร่วมในโครงของเราซึ่งไม่ใช่เด็กคาทอลิกเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กพุทธและเด็กจากคริสต์เตียนนิกายต่างๆ นี่เป็นเครื่องหมายที่บ่งชี้ว่า งานของเราตอบสนองความต้องการอันแท้จริงของชุมชน และมีคุณค่าสำหรับเพื่อนพี่น้องต่างศาสนา

ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณ ทุกคนที่มีบทบาทในการปฏิบัติโครงการภาคฤดูร้อน รวมถึงกิจกรรมด้านพิธีกรรมต่างๆ ในเทศกาลมหาพรตและปัสกา บ่อยครั้งมันดูเหมือนว่ากิจกรรมที่เราทำนั้นมากมาย เมื่อเทียบกับขนาดของชุมชนวัด อย่างไรก็ตามด้วยความกระตือรือร้น ความทุ่มเทและความศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า กิจกรรมเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ ให้เราอธิษฐานภาวนาขอให้องค์พระจิตเจ้านำทางให้งานอภิบาลของเรามีการพัฒนาให้มีคุณภาพต่อไป เพื่อให้การเป็นพยานถึงข่าวดีต่อคนรอบข้างยิ่งวันยิ่งเกิดผลและมีประสิทธิภาพ

คุณพ่อแอนโทนี่ เลดึ๊ก เจ้าอาวาส