วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมวัดประจำเดือนกรกฎาคม 2011


สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส :

วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกๆปี ประเทศไทยได้ถือว่าวันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติ เป็นวันพิเศษสำหรับประชาชนชาวไทย ที่จะคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญในชีวิตเรา ซึ่งเราเรียกบุคคลผู้นั้นว่า “ แม่ ” วันนี้ ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะถามตนเองว่า “ แม่ คือใคร ” ไม่มีคำบรรยายใดใด ที่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด คนที่ขึ้นชื่อว่า แม่ ย่อมมีลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ อายุ และความสามารถที่หลากหลายรูปแบบ แต่โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถพูดได้ว่า แม่เป็นบุคคลที่ลูกสามารถพึ่งพาได้ตลอดเวลา ทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย จิตวิญญาณหรือแม้แต่ด้านเงินทอง แม่เป็นบุคคลที่สามารถเช็ดคราบน้ำตาให้กับเรา แก้ไขความผิดพลาด และยังช่วยพยุงเมื่อเราหกล้ม ผลักดันให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง สู้เพื่อตัวเราเอง แม่เป็นบุคคลที่จะเอนเอียงเข้าข้างเราเสมอ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แม้เวลาอยู่บ้านแม่จะตบตีในพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่ว่าเราจะได้ทำอะไรมาในชีวิต แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด แม่เป็นบุคคลเดียวที่จะรักเราตลอดไป

ยังมีเหตุการณ์หนึ่งในเดือนสิงหาคม ที่เป็นวันสำคัญสำหรับคริสตชนนั่นคือ วันสมโภชพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ซึ่งตรงกับวันที่ 15 สิงหาคมของทุกปี ในขณะที่เรากำลังรำพึงไตร่ตรองแม่ในโลกนี้ เราไม่สามารถที่จะลืมไตร่ตรองเกี่ยวกับแม่ในเมืองสวรรค์และซึ่งเป็นพระมารดาแห่งพระศาสนจักร แม่พระเป็นมนุษย์สามัญชน แต่ก็ได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้า และรับเกียรติสูงส่งจากพระองค์ อย่างที่ไม่มีมนุษย์คนใดได้รับเกียรติสูงส่งเช่นพระนาง เพราะฉะนั้น เราสามารถไว้วางใจในพระแม่อย่างสิ้นเชิง เพื่อที่จะเสนอวิงวอนกับพระเจ้าเพื่อเรา ในขณะเดียวกัน เรายังภาวนาเพื่อคุณแม่บนโลกนี้ ให้คุณแม่ทุกท่านได้รับความเข้มแข็งในฐานะเป็นแม่ของคริสตชนในแบบอย่างของความเชื่อ ความรัก ความศรัทธา ที่จะส่องสว่างสะท้อนความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อลูกๆของพระองค์เอง เรายังภาวนาเพื่อตัวเราเอง ในฐานะที่เป็นลูก จะได้แสดงออกซึ่งความรัก ความนบนอบเชื่อฟัง ด้วยความเคารพรักอย่างซาบซึ้งเสมอ

กิจกรรมวัดประจำเดือนกรกฎาคม 2011



A.JESUS YOUTH “ สมาชิกของ JESUS YOUTH ทุกคน คือ มิสชันนารี ” คุณพ่อแอนโทนี่ ร่วมเข้าอบรมในกระบวนการขับเคลื่อนของกลุ่ม JESUS YOUTH ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการแพร่ธรรมที่มีสมาชิกใน 25 ประเทศทั่วโลก เป็นการอบรมเยาวชนให้ตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ของตนเอง ในการเป็นผู้แพร่ธรรมในพระศาสนจักร มีเยาวชนที่เข้ารับการอบรม 21 คน อายุระหว่าง 20 -30 ปี รับการอบรม 1 เดือน เพื่อที่จะเป็นอาสาสมัครแพร่ธรรมในประเทศต่างๆ เป็นเวลา 1 ปี

B. ภาคฤดูร้อน เณรสัมผัสชีวิตคณะ SVD

SERGIO และPETER เณรคณะ SVD ที่อยู่สหรัฐอเมริกา มาสัมผัสงานของคณะ SVD ที่ประเทศต่างๆ ที่คณะ SVD ทำงานอยู่ ครั้งนี้ เณรทั้ง 2 คน ก็ได้มาสัมผัสงานของคณะที่ประเทศไทยและประเทศเกาหลี เพื่ออบรมที่จะเป็นธรรมทูต

C. หมดวาระ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. 54 เป็นอีกวาระหนึ่งที่คณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม หรือที่เราเรียกคุ้นหูว่า คณะคุณแม่เทเรซา ด้วย จิตตารมณ์และการน้อมรับน้ำพระทัยของพระ ซิสเตอร์กาเบลล่าที่เด็กๆรักและผู้มีน้ำใจดีช่วยเหลือแต่งดอกไม้ภายในวัดประดับอย่างสวยงามทุกวันอาทิตย์ ในวันดังกล่าวได้มีตัวแทนซึ่งเป็นประธานสภาอภิบาลวัด คือ คุณรัตนกุล โพธิ ได้กล่าวขอบคุณซิสเตอร์และมอบพวงมาลัยแทนการขอบคุณ แสดงถึงความรียบง่าย ความยากจนของคณะซิสเตอร์เทเรซาแห่งกัลป์กาตาร์ ซิสเตอร์กาเบลล่า ได้รับหน้าที่ใหม่ที่ประเทศฮ่องกง D. น้ำใจจากต่างแดน เมื่อวันที่ 5-10 ก.ค 54 คุณพ่อและฆราวาสชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ ในสหรัฐอเมริกาได้ส่งความปรารถนาดีโดยช่วยสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อยาให้คนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกลได้มีโอกาสพบคุณหมอ โดยเฉพาะในพื้นที่ดอยอินทนนท์,ร.รแม่ปอนและอำเภอเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้น ก็เดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อช่วยเหลือแรงงานอพยพย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัย ได้มีโอกาสพบคุณหมอและรับยา โดยมีคุณพ่อแอนโทนี่ คุณพ่อโจแซฟฟาร์ม เณรคณะ SVD 2 คน และฆราวาสติดตามอีก 6 คน


โครงการอบรมบุคลากรตามจิตตารมณ์คาทอลิก ครั้งที่ 1 ประจำปี 2554

วันศุกร์ ที่ 29 กรกฎาคม 2554

ณ มูลนิธิบ้านนิจจานุเคราะห์ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู



นับได้ว่า เป็นครั้งแรกที่วัดอัครเทวดามีคาแอล ได้จัดโครงการอบรมบุคลากรที่อยู่ภายใต้การดูแลของวัด การอบรมครั้งนี้มีหน่วยงานจากมูลนิธิบ้านนิจจานุเคราะห์ บ้านเด็กคุณแม่เทเรซา สภาอภิบาลวัดและเจ้าหน้าที่ประจำวัด รวม 23 คน วิทยากร คือ คุณพ่อสิรนนท์ สรรเพ็ชร จากคณะคามิลเลียน ให้เกียรติมาอบรมในโครงการดังกล่าว ก็ขอขอบคุณคุณพ่ออีกครั้งหนึ่ง เนื้อหาที่คุณพ่อนำมาแบ่งปัน มีรายละเอียดสรุปย่อๆ ดังต่อไปนี้

คุณพ่อเริ่มด้วย..ให้แต่ละคนได้ตั้งเป้าหมายหรือความคาดหวัง ที่เราต้องการในการอบรมครั้งนี้ คำตอบที่ได้รับมีมากมาย เช่น ต้องการความรักในการทำงาน ต้องการทราบแนวคิดในรูปแบบการทำงานของคาทอลิก แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน และคำตอบอื่นๆอีกมากมาย ก่อนที่จะได้รับคำตอบจากการตั้งเป้าหมายหรือความคาดหวังต่างๆนั้น เราทุกคนจะต้องเป็นอิสระจากทุกสิ่ง ทำตัวให้ว่างเปล่า ต้องทำให้ได้ถ้าทำไม่ได้ ก็จะไปไม่ถึงเป้าหมาย ไม่คิดถึงเย็นนี้ ให้คิดถึงตรงนี้ เดี๋ยวนี้ ปัจจุบันนี้ เมื่อเราเป็นอิสระเราจะได้ทุกสิ่งโดยอัตโนมัติ

- แต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกัน เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่มีจุดรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วจุดรวมนั้นมันคืออะไร ทุกคนต่างให้ความหมายของจุดรวม ที่ว่านั้น คือ ความรัก การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคี ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทั้งหมดที่เราพูดมานั้น สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวได้สิ่งนั้นคือ สุขภาพ เป็นจุดรวมทั้งหมด

- เป้าหมาย หนึ่งเดียว คือ สุขภาพ แปลว่า ภาวะที่เป็นสุข ภาพแห่งความสุข สุขภาวะแบบองค์รวม

- องค์ประกอบของ ชีวิต ประกอบไปด้วย

1. กาย = สุขกาย – อิ่มกาย / 2. ใจ = สบายใจ อิ่มใจ

3. สังคม = อยู่ในสังคมอย่างปกติสุข – อิ่มรัก / 4. จิตวิญญาณ = สงบ สันติ - อิ่มบุญ ทั้งหมดนี้เรียนรู้ด้วยทฤษฎีองค์รวม

- สุขภาพเชื่อมโยงอย่างไรในการทำงานของเรา

กาย – การพูดคุย ยิ้ม แบ่งปัน

ใจ – วันสำคัญต่างๆในชีวิต การเยี่ยมบ้าน

สังคม – พบปะสังสรรค

จิตวิญญาณ – ภาวนาด้วยกัน

เพราะพระเจ้าทรงมอบสุขภาพ ให้กับมนุษย์ทุกคน ให้กับเรา ให้กับตัวเธอ และให้กับองค์กร ทุกอย่างเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ขึ้นอยู่ที่ตัวเราแต่ละคนว่าจะทำหรือไม่ทำ การมาทำงานอยู่ ณ ที่นี้ ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นเสียงเรียกที่ให้เรามาอยู่ที่นี้ มีอะไรก็บอก ให้พูดคุย พลังจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเราร่วมมือกัน สิ่งที่สามารถชนะอำนาจได้ สิ่งนั้น ก็คือ พลัง พลังของความดี เราทำงานด้านจิตอาสา มีแรงผลักดันโดยศาสนา ไม่ว่าคุณจะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่สิ่งที่เป็นจริงและคำตอบทุกอย่างก็มาจากศาสนา ดังนั้น ศาสนาจึงเป็นสื่อและแรงผลักดัน ให้คุณเป็นเครื่องหมายที่จะเป็นพยานในเรื่องของศาสนา พัฒนาด้านจิตวิญญาณ พัฒนาในเรื่องของสุขภาพทั้ง 4 องค์ประกอบ เราสามารถสร้างสุขภาพให้กับบุคคลอื่นได้ และเราก็สามารถเป็นผู้ทำลายสุขภาพของตนเองและผู้อื่นได้เช่นกัน ดังนั้น การพัฒนาตนเองจะต้องพัฒนาทั้ง 4 ด้าน ศาสนาจึงเป็นเครื่องมือพัฒนาด้านจิตวิญญาณ เพื่อที่จะออกไปสู่การควบคุมกาย ใจ สังคม เพราะศาสนา คือ คำตอบที่มีอยู่ในพระศาสนจักร ทำให้พฤติกรรมแสดงออกมาคิดดี ทำดี ต่างคน ต่างคิด ต่างคน ต่างทำ แต่ศาสนามีคำตอบที่ถูกต้อง ฉะนั้น ตัวเราทำงานในองค์กรศาสนา มีอะไรที่แตกต่างจากองค์กรอื่นๆ เพราะเรามีศาสนา จิตวิญญาณ ถ้าเราไม่มีสิ่งนี้ มันก็เปรียบได้กับการทำงานทั่วไปในองค์กรอื่นๆ ในองค์กรอื่น มีเพียง กาย ใจ สังคมเท่านั้น

แผนอภิบาลวัดปี ค.ศ. 2011-2015

วัดอัครเทวดามีคาแอลได้จัดทำแผนอภิบาลวัดตามแผนอภิบาลของสังฆมณฑลอุดรธานีทางวัดได้จัดทำแผนอภิบาล 10 แผน แต่ละแผนจะระบุกิจกรรมและวันที่จัดกิจกรรมอย่างชัดเจน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มคริสตชนในวิถีชุมชนวัด กิจกรรมและโครงการที่จัดทำขึ้นเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากแผนอภิบาลวัดในปีที่ผ่านมา จะมีกิจกรรมเพิ่มเติมเข้ามาในส่วนของการอภิบาลครอบครัว เด็ก เยาวชน สตรี คริสตชนกลุ่มพิเศษต่างๆและงานด้านการอบรม สารวัดแต่ละเดือนจะนำเสนอแผนอภิบาลแต่ละแผนงาน เพื่อให้สัตบุรุษและผู้อ่านทุกท่านได้รับทราบในแผนอภิบาลของวัด สารวัดประจำเดือนสิงหาคม ขอนำเสนอ.....

แผนงานที่ 7 คริสตศาสนจักรสัมพันธ์ ศาสนสัมพันธ์ และการเข้าสู่วัฒนธรรม

“ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกก็จะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ”

1. ร่วมมือกับนิกายคริสตจักรต่างๆในเขตพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในโอกาสที่เอื้ออำนวย

2. ร่วมประชุมและเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการศาสนิกชนสัมพันธ์จังหวัดหนองบัวลำภู ปี 2553 ในหน่วยงานราชการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด

3. ประชาสัมพันธ์ การฉลองวัด และกิจกรรมต่างๆ โดยให้พี่น้องต่างศาสนาได้มาร่วมกิจกรรมดังกล่าว

จัดกิจกรรมทางศาสนาให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น โครงการรักพ่อทำตามคำสอนพ่อ

เกร็ดความรู้เรื่องพิธีกรรม

สารวัดฉบับนี้ขออัพเดทในเรื่องของพิธีกรรมที่มีความเคลื่อนไหวในพระศาสนจักรไทย ในการประชุมสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย สมัยสามัญ 2/2010 ได้มีมติต่างๆเกี่ยวกับพิธีกรรมคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพิธีกรรม ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินงานต่างๆ แทนสภาพระสังฆราชฯขอชี้แจงแนวทางปฎิบัติร่วมกันในพระศาสนาจักรไทยดังนี้

1. บทภาวนาของคริสตชน

อนุมัติให้บทภาวนาฉบับปรับปรุง ค.ศ. 2010 เป็นฉบับทางการของพระศาสนจกัรไทย ซึ่งบทภาวนาดังกล่าวนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ค.ศ.2002 สมัยคุณพ่อไพศาล อานามวัฒน์ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการฯพิธีกรรม โดยดำเนินงานตามขั้นตอนสุดท้าย คือ ขออนุมัติประกาศใช้จากสภาพระสังฆราชฯ บัดนี้ สภาพระสังฆราชฯ พิจารณาเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะประกาศใช้ให้เป็นทางการ เพื่อสื่อภาษาได้ชัดเจนมากขึ้น และเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน

การเผยแพร่ได้จัดพิมพ์เป็น 2 รูปแบบ

1. สำหรับพระสงฆ์และนักบวช จะมีการอธิบายคำปรับแก้ไข เพื่อให้เป็นข้อมูลศึกษาและใช้อธิบายชี้แจงให้สัตบุรุษเข้าใจต่อไป

2. สำหรับสัตบุรุษทั่วไป เพื่อความสะดวกในการใช้ จึงไม่ใส่รายละเอียดมากนัก

คณะกรรมการฯพิธีกรรม ขอความร่วมมือทุกวัด สถาบัน องค์กร ส่งเสริมให้คริสตชนใช้บทภาวนาปรับปรุงใหม่นี้อย่างทั่วถึงกัน

สารวัดฉบับต่อไปจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการใช้คำว่า

1. พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ

2. การใช้พระนามพระเจ้าในพิธีกรรม

กลับมาพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน ค่ะ


กลอนความรักของแม่

รัก คำไหนยิ่งใหญ่กว่ารักแม่

รัก จริงแท้จะหาไหนไม่มีเหมือน

รัก ของแม่จริงใจไม่บิดเบือน

รัก ของแม่คอยเตือนให้ลูกดี

แม่ คำนี้มีค่าเกินกว่าพูด

แม่ เปรียบทูตเชื่อมความรัก เชื่อมศักดิ์ศรี

แม่ อบรมบ่มนิสัยให้ลูกดี

แม่ คำนี้ลูกรักจะตอบแทน

วันพิเศษสำหรับแม่ คือ วันแม่ แต่สำหรับแม่แล้ว ทุกวันคือวันพิเศษของลูก เดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระคุณของแม่ 12 สิงหา เวียนมาบรรจบอีกครา ความรัก และความอบอุ่นที่แม่มอบให้ ทำให้หวนระลึกถึงวัยเยาว์ในอดีต เพราะความรักของแม้มันล้นออกมาจากหัวใจของลูก สารวัดฉบับนี้ ขอนำเสนอบทความ ที่มีความหมายและอยากจะให้ลูกๆทุกคนได้นำบทความนี้ไปใช้ให้เห็นจริงในชีวิต (บทความนี้ เขียนหลังวันแม่แห่งชาติ)

แม่เป็นเหนือกว่าชีวิต แม้วันแม่จะผ่านไปแล้วก็ตาม แต่ไม่สายเกินไปสำหรับวันนี้ (หรือวันไหนๆ) ที่จะใช้เนื้อที่แม้เพียงขนาดหนึ่งหน้านี้เพื่อระลึกถึงพระคุณของแม่ แม้รู้ดีว่า อย่าว่าแต่หนึ่งหน้าเลย จะเอาโลกมาทำปากกา และเอานภามาแทนกระดาษ เอามหาสมุทรเป็นหมึกวาด ประกาศพระคุณ (ของแม่) ไม่พอ

ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงจารึกไว้ว่า “พ่อกูชื่อขุนศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูมีพี่น้องท้องเดียวห้าคน ผู้ชายสามผู้หญิงโสง...ฯลฯ” นั่นแสดงว่า คำว่า “แม่” หากเอาหลักฐานของศิลาจารึกเป็นหลักก็ต้องมีมาไม่น้อยกว่า 700 ปี

คำว่า “แม่” สั้นๆ แต่มีความหมาย มีเสน่ห์ มีพลัง เจริญปาก เจริญพรสำหรับผู้ที่เรียกและผู้ได้รับการเรียก แม่เป็นพลังในตัวเองและบันดาลพลังให้แก่ลูก ใครก็ตามที่รักแม่ด้วยความจริงใจ เพราะความรักที่ลูกมีต่อแม่และแม่มีต่อลูกนี้จะเป็นพลังและพลังนั้นบันดาลให้คนๆ นั้นเดินในหนทางที่ไม่ทำให้ผู้เป็นแม่ที่เขารักนั้นผิดหวัง ดังนั้น ใครก็ตามที่รักแม่ มักจะประสบกับความสำเร็จแม้จะยากลำบากต้องใช้เวลา ต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากก็ตาม แต่ไม่มีใครเลยที่รักแม่และจะไม่พบ แต่สิ่งดีงามเพราะแม่มิใช่ร่างกายที่ปรากฏให้เห็นว่า

เป็นแม่ภายนอกเท่านั้น แต่แม่ที่เห็นโดยผ่านทางร่างกายแม่นี้แหละ ที่สื่อให้เห็นถึงพลังรักอันยิ่งใหญ่ที่เป็นอะไรมากกว่าความเป็นแม่ คือ เป็นเหนือกว่าชีวิต แม้ร่างกายจะจากไป แต่สิ่งที่ดีงามหลายอย่างที่แม่ได้ทำ ได้แสดงออก ล้วนแต่ถูกจารึกไว้ในดวงใจให้ลูกๆ ได้สัมผัส ได้รับพลังที่คอยกระตุ้นในยามที่ลูกท้อแท้ เป็นเพื่อนในยามที่ลูกเหงา เป็นร่มในยามที่ลูกต้องตากแดดตากฝน เหล่านี้ คือแม่ที่เป็นเหนือกว่าชีวิต....เพราะเหตุนี้ จึงมิอาจจะบรรยายถึงพระคุณแม่ได้ทั้งหมด เพราะความเป็นเหนือกว่าชีวิตของแม่นั่นเอง

ในวันแม่นี้ ขอส่งความปรารถนาดีไปยังแม่ทุกคน ทราบดีว่า ความเป็นแม่ที่เป็นเหนือกว่าชีวิตในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายกับลูกที่ต้องพัฒนาการรับรู้เรื่องราว มากมายจากภายนอกผสมผสานกับเทคโนโลยีอันทันสมัยที่พ่อแม่มักตามไม่ทัน และเป็นความหนักใจของผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นแม่ มาถึงตอนนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่จะเรียกร้องให้บรรดาลูกๆ ทั้งหลาย ให้สำนึกในพระคุณแม่ ให้ทำอะไรก็ให้เกรงใจแม่บ้าง ให้มีหัวใจที่เป็นห่วงรับรู้ความรู้สึกของแม่บ้าง คนหนึ่งที่รักมาก ย่อมเจ็บปวดมาก ยิ่งเจ็บปวดมากกว่านั้นอีก คือ เจ็บปวดแล้วต้องเก็บอั้นเอาไว้ในใจ ไม่ให้ลูกเห็น กลัวลูกเสียใจ

บอกรักแม่มิใช่เฉพาะวันแม่เท่านั้น แต่จะเป็นดอกมะลิ สำหรับแม่ทุกๆ วัน ทั้งนี้เพื่อความเจริญพรของลูกๆ เอง

สำหรับเรา วันพิเศษสำหรับแม่ คือ วันแม่ แต่สำหรับแม่แล้ว ทุกวันคือวันพิเศษของลูก

ขอให้พ่อแม่ลูกรักกันและกันมากขึ้นทุกวัน