วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส


ในปีนี้ขณะที่เราก้าวเข้าสู่เดือนมิถุนายน พระศาสนจักรในปฎิทินพิธีกรรมก็เข้าสู่ช่วงเวลาใหม่เช่นกัน นั่นคือเทศกาลธรรมดา คำว่า เทศกาลธรรดานั้น อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดบ้าง ในบริบทของปีพิธีกรรม คำว่า “ ธรรมดา ”ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีอะไรสำคัญ แต่คำว่า “ ธรรมดา ” ในบริบทนี้ หมายถึง ไม่ได้อยู่ในเทศกาลสำหรับฉลองหรือสมโภชพิเศษ เทศกาลธรรมดาเป็นช่วงเวลาในปีพิธีกรรมที่อยู่นอกเหนือ เทศกาลมหาพรต เทศกาลปัสกา เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯและเทศกาลพระคริสตสมภพ ในระหว่างเทศกาลธรรมดา พระศาสนจักรเฉลิมฉลองพระธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า ไม่ใช่เฉพาะด้านใดด้านหนึ่งแต่ในทุกมิติ บทอ่านและบทพระวรสารในปีพิธีกรรมตลอดเทศกาลนี้ ช่วยชี้แนะเราในวิธีปฎิบัติข้อความเชื่อของคริสตชนในชีวิตประจำวัน
          เทศกาลปัสกาได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่นั่น ไม่ได้หมายถึง  ชีวิตของเราจะกลายเป็นชีวิตธรรมดา และแน่นอนว่า เทศกาลธรรมดาก็ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตของเราจะกลายเป็นชีวิตที่ธรรมดา แต่ชีวิตของเราย่อมเป็นชีวิตแห่งการเป็นประจักษ์พยาน เนื่องจากเราได้รับพละกำลังเพิ่มขึ้นจากการเฉลิมฉลองที่เราได้ปฎิบัติระหว่างเทศกาลปัสกา ตลอดเวลา เราได้สัมผัสความรักอันหาที่สุดมิได้ของพระเจ้าที่มีต่อเรา เมื่อเราทำการระลึกถึงความทุกข์ทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพอันรุ่งโรจน์ขององค์พระคริสตเจ้า เราได้ถูกเติมเต็มด้วยความหวัง เมื่อเราสมโภชการเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีอะไรมากกว่าโลกที่ไม่จีรังยั่งยืน เรามั่นใจว่ามีสวรรค์ เป็นบ้านสุดท้ายของเรา และเป็นบ้านแท้ ที่กำลังรอคอยเราและพระเยซูเจ้าได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เพื่อเตรียมสถานที่สำหรับเรา อย่างที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ “ และเมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย ” (ยน 14: 3)และสุดท้ายเราได้รับของขวัญซึ่งเป็นพระจิตเจ้าที่พระเยซูเจ้าได้สัญญาว่าจะประทานให้แก่เรา เพื่อเราจะได้รับการนำทาง การชี้แนะจากพระจิตแห่งความจริงทรงเป็นพระพรที่บังเกิดผลต่างๆมากมาย ในชีวิตฝ่ายจิตเราได้รับการมั่นใจถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า นอกจากนั้น พระพรเหล่านี้ ถูกมอบให้เราเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับทุกคน เพื่อให้เราสามารถเสริมสร้างพระวรกายของพระคริสต์เจ้าให้แข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งเพิ่มความศรัทธา ความรัก และความยุติธรรมมากขึ้นเช่นกัน  
       ในขณะที่เราเข้าสู่เทศกาลธรรมดาของปีพิธีกรรม ให้เราจดจำว่าชีวิตของเรานั้น ไม่เคยธรรมดา เราอาจไม่สามารถเป็นคนธรรมดาได้ เมื่อเราเต็มไปด้วยพระจิตของพระเจ้า ซึ่งผลักดันเราให้ประกาศข่าวดีให้แก่คนยากจน ปลดปล่อยผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ( ลก4:18) นี่เป็นภารกิจที่ถูกกำหนดไว้ สำหรับคริสตชนทุกคนที่จะต้องกระทำภารกิจนี้ในทุกๆวัน เพราะฉะนั้น ในแต่ละปีจะมีเวลาต่างๆ  แต่สำหรับคริสตชนที่แท้ ไม่มีวันไหนที่จะเป็นวันธรรมดา เมื่อเรากำลังปฎิบัติภารกิจของพระเจ้า

Letter from the pastor


Dear friends,


As we enter the month of June this year, the church enters into a new phase in the liturgical calendar, which is the Ordinary Time. The term "Ordinary Time" may be misleading. In the context of the liturgical year the term "ordinary" does not mean "usual or average." Ordinary here means "not seasonal." Ordinary Time is that part of the Liturgical Year that lies outside the seasons of Lent-Easter and Advent-Christmas. In Ordinary Time, the Church celebrates the mystery of Christ not in one specific aspect but in all its aspects. The readings during the liturgies of Ordinary Time help to instruct us on how to live out our Christian faith in our daily lives.
    The Easter Season is now finished. But does it mean that our life is now just ordinary? Far from it. Ordinary Time does not mean that our life is ordinary. Rather, our life must be a life of witness, as we have been energized by the celebrations that took place during the Easter Season. During this time, we experienced God’s boundless love for us as we commemorated the suffering, death, and glorious resurrection of our Lord Jesus Christ. We have been filled with hope as we celebrate Jesus’ ascension into heaven showing us that there is more than just this temporary world. We know that there is a heaven, our final home, our true home awaiting for us. And Jesus has gone ahead to prepare a place for us as he promised. "If I go and prepare a place for you, I will come again and receive you to Myself, that where I am, there you may be also” (John 14:3). And finally, we have received the gift of the Holy Spirit that Jesus promised us so that we can be led and guided by the Spirit of Truth. The Holy Spirit comes with abundant gifts and fruits that are meant for us to receive to help our faith life, so that we can be affirmed of the will of God in our lives. In addition, they are given to us to use for the benefit of all, so that we can build up the Body of Christ to be stronger, more faithful, more loving and more just.
    As we enter into the Ordinary Time of the Liturgical Year, let us remember that our lives are far from ordinary. We cannot be ordinary people when we are filled with the Holy Spirit of God, which impels us to go out to preach the Good News to the poor, proclaim release to the captives, recover the sight of the blind, and set free those who are oppressed (Luke 4:18). This is the mission set aside for every Christian each and everyday. Thus, there are various seasons throughout the year, but for a true Christian, there is no ordinary day when we are doing the work of the Lord.

สมโภชพระจิตเจ้า


      พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์เดียวที่ผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ ส่วนรวม” (1คร.12:4-7)         
      เมื่อเรารับศีลกำลังเราได้รับพระจิต พระจิตนี้มีแต่องค์เดียวแต่มีของประทานหลายอย่าง ซึ่งเป็นผลงานของพระจิต  ของประทานเหล่านั้น พระศาสนจักรได้รวบรวมและแยกแยะไว้  ดังต่อไปนี้
        ของประทาน(พร) ที่ทำให้เราคิดเหมือนพระเยซูเจ้า ได้แก่              1. พระดำริ ทำให้เรารู้ซึ้งถึงพระเป็นเจ้า ชอบสิ่งต่างๆและตีคุณค่าของสิ่งต่างๆในทัศนะของพระองค์ ถือว่าของของโลกเป็นเพียงเครื่องมือช่วยในการรับใช้พระและเพื่อนมนุษย์ ถือว่าจิตใจสำคัญกว่าร่างกาย พระเป็นเจ้าสำคัญกว่าสิ่งทั้งปวง                                                                                 2.สติปัญญา ทำให้เราเข้าใจสิ่งที่เราเชื่อและปฏิบัติ เข้าใจพระวาจาของพระเป็นเจ้าในพระคัมภีร์และคำสอนของพระศาสนจักร และสามารถอธิบายถ่ายทอดแก่ผู้อื่นได้ด้วย                                                                  3.ความคิดอ่าน ทำให้เราตัดสินใจถูกต้องตามจิตตารมณ์แห่งความเชื่อมีความริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะปรนนิบัติพระเป็นเจ้า และรับใช้เพื่อนมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น                                                                                                    4.พละกำลัง ทำให้เราต่อสู้ความชั่ว ไม่ยอมแพ้การประจญ เพื่อนไม่ดี ยินดี เสียสละเพื่อพระเป็นเจ้าและมีความซื่อสัตย์มั่นคงในการทำหน้าที่ประจำวันต่างๆโดยไม่ท้อถอย                                                                    5.ความรู้ ทำให้เรารู้อัตถ์ความจริงในคริสตศาสนา เช่น ความจริงเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้า ศีลมหาสนิท                                                        6.ความศรัทธา ทำให้เรารักพระเป็นเจ้า และประกอบกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์กับพระองค์ เช่น การสวดภาวนา พิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ รวมทั้งเสริมสร้างความรักต่อผู้อื่น                                                  7.ความยำเกรงพระเจ้า ทำให้เราเคารพพระเป็นเจ้า เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเกิคความเกรงกลัวต่อพระองค์ในการที่จะกระทำผิด
         ในโอกาสสมโภชพระจิตเจ้า ขอให้เราตระหนักถึงความสำคัญของพระพรต่างๆและการทำงานของพระองค์ในตัวเราแต่ละคน วอนขอพระองค์บันดาลให้เราเป็นเครื่องมือของพระองค์ ในการใช้พระพรต่างๆของเราแต่ละคนเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวมมากที่สุด

ประมวลภาพกิจกรรมประจำเดือนพฤษภาคม 2012


คริสตชนใหม่
      คุณพ่อและสัตบุรุษวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู ร่วมแสดงความยินดีและมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคริสตชนใหม่  คือ มารีอาปฎิสนธินิรมลทิน นางสาวกรรณิการ์  สังข์ทอง ที่ได้เปิดใจต้อนรับพระคริสตเจ้าเข้ามาในชีวิต หลังจากที่ได้เรียนคำสอน จึงได้ตัดสินใจเข้ารับพิธีล้างบาปและรับศีลมหาสนิท  โดยมีคุณพ่อแอนโทนี่ เป็นเจ้าพิธี  เมื่อวันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา ณ วัดเล็กๆของชาวหนองบัวลำภูแห่งนี้ 

คอร์สภาษาอังกฤษ
      เปิดสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร คอร์สที่ 3  เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม2555  คุณพ่อแอนโทนี่ เจ้าอาวาสวัด เป็นวิทยากรพิเศษรับเชิญในวิทยาลัยชุมชน หนองบัวลำภู เพื่อสอนภาษาอังกฤษในการสื่อสาร คอร์ส 25 ชั่วโมง จัดโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้และเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่อาเซียน  ท่านที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่วิทยาลัยชุมชนหนองบัวลำภู 


บวชพระสงฆ์ใหม่ 
         “ พระองค์จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนข้าพเจ้าจะต้องด้อยลง ” (ยน 3:30)
สัตบุรุษวัดร่วมโมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแสดงความยินดีในโอกาสบวชพระสงฆ์คุณพ่อเปาโล เปรม  คุณโดน เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2555
เวลา 10.00 น. ณ  อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ จ.อุดรธานี โดยมีพระสังฆราช    ยอแซฟ ลือชัย  ธาตุวิสัย ประธานในพิธี และยังมีสัตบุรุษวัดจากที่อื่นๆมาร่วมแสดงความยินดีอีกมากมาย


                                                                      เสกวัดใหม่           
        วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555  คุณพ่อพร้อมใจกับสัตบุรุษร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสเปิดและเสกวัดพระศรีชุมพาบาล บ้านหนองไผ่ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย วัดแห่งนี้มีคุณพ่อตรึกฟาน,SVD เป็นเจ้าอาวาสวัดและเป็นวัดแห่งที่ 2 ที่คุณพ่อได้บุกเบิกในการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า  เราจึงร่วมใจกันเพื่อโมทนาคุณพระเป็นเจ้า

เสียงสะท้อนจากเยาวชน


การเลือกและการจัดสรรเวลาที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเยาวชนที่อยู่ในวัยของการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดสรรเวลาให้ถูกต้องและเหมาะสมในการดูแลสภาพชีวิตฝ่ายจิตของตนเอง นอกจากนั้น ผู้ใหญ่ก็มีส่วนช่วยในการส่งเสริมชีวิตฝ่ายจิตให้เข้มแข็งมากขึ้น
      เสียงสะท้อนจากเยาวชน ในสารวัดฉบับนี้ ขอนำบทความของน้องเยาวชนคนหนึ่งที่ได้จัดสรรเวลาของตนเอง พร้อมที่จะเปิดหัวใจและเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้ชีวิตจิตของตนเองได้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น จึงก้าวเดินพร้อมกับเยาวชนคนอื่นๆ โดยมีคุณพ่อแอนโทนี่ เจ้าอาวาสวัดเป็นผู้นำทางสู่การเข้าเงียบที่ จ.นครราชสีมา 


สิ่งที่ได้รับจากการเข้าเงียบ     
 สิ่งที่ได้รับอย่างแรกเลยนะคะ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ค่ะทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเลย โดยเฉพาะพี่น้องชาวลาวค่ะคุยสนุกมาก ได้รับความรู้จากคุณพ่อขุนที่มาให้ความรู้แก่เยาวชนในเรื่องการปฏิบัติตัวของเยาวชนชาย หญิง ได้ฝึกการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานแค่ 3วัน 2 คืนแต่ก็สามารถทำให้หนูปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ได้เปิดใจฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ได้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะในบางเรื่องหนูก็ยังไม่รู้...
   -  ได้รู้จักการตรงต่อเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการอยู่ร่วมกัน ได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าซึ่งประทับใจในทุกเพลงค่ะเพราะเพลงไพเราะมากๆ ทำให้หนูได้ฝึกร้องเพลง ฝึกการฟัง และฝึกการจำภาษาอังกฤษไปในตัวด้วยค่ะ
   -   ได้รู้ถึงประสบการณ์การสัมผัสชีวิตกับพระเจ้าและพระจิตเจ้าของผู้ที่มาให้การแบ่งปัน ได้ใช้เวลาเงียบในการรำพึงภาวนาพูดคุยกับพระเจ้า
 -  ได้รู้ว่าการให้อภัยเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเยียวยารักษาจิตใจของเรา ได้รู้จักการขอโทษเมื่อเราได้ทำความผิด ได้รู้ว่า
พระเยซูเจ้าเป็นใครในส่วนลึกของจิตใจของเรา ได้รู้ว่าทุกๆคำที่เราพูดออกมานั้นควรเป็นประโยชน์และให้กำลังใจผู้อื่น 
- ได้รู้ว่าพระเยซูเจ้าต้องการให้เราทุกคนเป็นนักบุญ
- ได้รู้ว่าเราควรทำลายและกำจัดบาปออกไปจากชีวิตเหมือนการล่าสัตว์ ได้รู้ว่าทุกตัวอักษรในพระคัมภีร์นั้นสามารถสอนให้เราปฏิบัติตามได้ ได้ฝึกความอดทนในการเฝ้าศีลมหาสนิท และได้รู้วิธีการรับพระจิตเจ้าเข้ามาภายในจิตใจค่ะ 
      จากการไปเข้าเงียบครั้งนี้ถึงแม้พวกเราทุกคนจะต้องเดินทางไกลแต่หนูรู้สึกว่าไม่เหนื่อยเลยและไม่ใช่เป็นการไปเข้าเงียบอย่างเดียวแต่ยังได้ความสนุกสนานและรอยยิ้มกลับมาด้วยค่ะ
      ขอขอบคุณคุณพ่อแอนโทนี่ที่ให้โอกาสหนูและเยาวชนทุกคนและขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเข้าเงียบครั้งนี้ทุกคนค่ะ ขอพระเจ้าอวยพรทุกคนนะคะ
                                 
นางสาวเมฆขลา ภูพันนา (น้องเมย์)
                    
เยาวชนวัดอัครเทวดามีคาแอล จังหวัดหนองบัวลำภู
       จากหนึ่งข้อคิดดีๆ ที่น้องเยาวชนที่ชื่อ เมย์ ได้เขียนความประทับใจที่อยู่ลึกๆในใจของน้อง คงเป็นความประทับใจที่อยากจะบอกออกมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนึ่งบทความนี้คงจะมีคุณค่าสำหรับผู้อ่านทุกท่าน  สวัสดีค่ะ


สื่อนำความรัก


               ขอต้อนรับคุณผู้ฟังเข้าสู่รายการสื่อนำความรัก ผลิตโดย วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล  ตั้งอยู่ ณ  บ้านเลขที่ 168 /9 หมู่  2 ตำบลหนองบัว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู    ในพันธกิจที่ว่า วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล  เรียกร้องให้ประชากรของพระเจ้าให้เป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อ  โดยการนำขององค์พระจิตเจ้า ประกาศข่าวดีขององค์พระผู้เป็นเจ้า  เฉลิมฉลองศีลศักดิ์สิทธิ์  อภิบาลซึ่งกันและกัน และสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและความเมตตา
            เราชาวคาทอลิกรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้แบ่งปันความเชื่อ พระธรรมคำสอนของคริสตศาสนาและขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพรแก่คุณผู้ฟังทุกท่าน
        เสียงที่พูดทักทายคุณผู้ฟังก่อนที่จะเริ่มรายการเป็นประจำทุกวันในเวลา 18.00 น.—19.00 น. ที่เรานำออกอากาศในคลื่นFM.101.50 Mhz. สถานีวิทยุ Public Radio ที่จังหวัดหนองบัวลำภู  เป็นเวลา 1 ปีเต็มที่รายการวิทยุได้ออกอากาศที่สถานีแห่งนี้
        1 ปีเต็มที่เราภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอขนบธรรมเนียมประเพณีปฎิบัติของชาวคาทอลิก  เพื่อเผยแพร่ให้ทุกคนได้ทราบไม่เพียงแต่ผู้ที่นับถือคาทอลิกเท่านั้น ที่ได้รับความรู้เพิ่มเติม แต่เรายังมีโอกาสได้ให้ความรู้กับทุกศาสนาเพราะเราอยู่ในโลกนี้ โลกใบกลมๆ โลกเดียวกัน ที่เราควรปฎิบัติต่อกันเสมือนญาติพี่น้อง โดยไม่ได้แบ่งชนชั้น วรรณะใดๆทั้งสิ้น
 นอกจากนั้นเรายังมีบทความต่างๆ เช่น เรื่องของสุขภาพ เคล็ดลับการอ่านหนังสือให้มีความจำ  และบทความอื่นๆอีกมากมาย
        1 ปีเต็มที่เราพยายามสร้างสรรค์บทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ไม่เพียงแต่บทเพลงสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น เรายังได้สรรหา
เพลงที่ก่อเกิดกำลังใจ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นแต่ก็สามารถช่วย
 บรรเทาใจเราได้ ที่กล่าวเช่นนั้นได้ ก็เพราะว่า รายการสื่อนำความรักที่ออกอากาศในคลื่นFM.101.50 Mhz. สถานีวิทยุ Public Radio ที่จังหวัดหนองบัวลำภูได้หมดสัญญาลง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา แต่ว่ารายการวิทยุของเราก็ยังจัดรายการเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบรายการให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของสังคม โดยการใช้เทคโนโลยีของโลกอินเตอร์เน็ตที่ไร้ขอบเขต ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถรับฟังข่าวสารของเราได้ ไม่ได้จำกัดเวลาเพียงแค่คุณต้องการที่จะรับฟังก็สามารถเข้าที่เว็ปไซค์ของวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู เท่านั้น คุณก็จะได้รับฟังรายการวิทยุในรูปแบบที่เรานำเสนอ แม้อาจจะไม่ใช่มืออาชีพ แต่ก็มีความปรารถนาที่จะนำสิ่งดีๆมามอบให้กับคุณผู้ฟังได้รับฟังในทุกช่วงเวลาของชีวิต
      ...คำบอกกล่าว ก่อนจะจากลา...
        รายการที่ท่านผู้ฟังได้รับฟังจบไปเมื่อสักครู่ เป็นรายการ สื่อนำความรัก  โดยวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 168 / 9 หมู่ 2  ต.หนองบัว อ.เมือง จ. หนองบัวลำภู ก่อนจะจบรายการในวันนี้ ขอขอบพระคุณ  คุณผู้ฟังที่ได้ให้เกียรติรับฟังรายการมาโดยตลอด และสุดท้ายขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพรแก่ท่านผู้ฟังทุกท่าน และครอบครัวให้มีความสุขและสันติตลอดไป

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส


พี่น้องที่รัก เรื่องราวเทศกาลปัสกาซึ่งเราทำการสมโภชอย่างสง่างาม ทุกๆปี คือเรื่องอะไร นั่นคือ เรื่องราวการที่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนและถูกฝังไว้ในพระคูหา แต่ในเช้าตรู่วันที่สามเมื่อศิษย์ของพระองค์ไปหาพระองค์ที่คูหานั้น เขาไม่ได้เจอพระศพของพระองค์อยู่ที่นั่น เขาพบแต่เพียงคูหาที่ว่างเปล่า  การที่คูหาว่างเปล่านั้น สำคัญสำหรับความเชื่อและความหวังของเรามากทีเดียว นักบุญเปาโลได้ยืนยันว่า ถ้าพระคริสตเจ้าไม่ได้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ การเทศน์สอนของท่านก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านและของพวกเราก็ไร้ประโยชน์ด้วยเช่นเดียวกัน เราจะกลายเป็นคนโง่ที่สุดเพราะเราเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเลย
        การที่เราสมโภชปัสกา คือ การยืนยันความเชื่อของเรา ความเชื่อที่ว่ามีพระคูหาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ที่เขาได้นำพระศพของพระองค์ไปวางไว้ แต่ในวันที่สามพระคูหาแห่งนั้นกลับว่างเปล่า ความจริงเบื้องหลังพระคูหาที่ว่างเปล่านั้น คือ การกลับคืนชีพของพระคริสต์เจ้า  ซึ่งเหตุการณ์นี้สามารถทำให้ทุกคนซึ่งตกอยู่ในความผิดหวัง ความทุกข์ร้อน กลายเป็นคนที่เร่าร้อนด้วยความรักและความหวัง พระองค์สามารถทำให้คนที่หวาดกลัวกลายเป็นคนกล้าที่จะป่าวประกาศความเชื่อของตนเองว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้วถึงแม้ว่าจะต้องตายเพราะความเชื่อนั้น
        เรื่องราวของพระคูหาที่ว่างเปล่าและพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพนั้นก็จะเป็นเรื่องราวความเชื่อที่พื้นฐานที่สุดของคริสตชนในทุกยุคทุกสมัยและทุกที่   เพราะเรื่องนี้เราจึงรู้ว่า ปรากฎการณ์นี้มิใช่เพียงแค่เหตุการณ์บังเอิญเหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นกิจการอันยิ่งใหญ่ในแผนการกอบกู้โลกของพระบิดาเจ้า แล้วการกอบกู้จะเป็นอะไรเล่าถ้าไม่ใช่การนำความหวังในพระเจ้ามาสู่เรา ให้เราเชื่อว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราแม้สักครั้ง
       ความเชื่อในพระธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาเป็นความเชื่อในองค์พระเจ้า ซึ่งพระองค์จะไม่ทอดทิ้งคนใดที่ไว้วางใจในพระองค์ ความเชื่อนี้ยืนยันว่าชีวิตเราไม่ใช่มีแต่ความยากลำบากอย่างเดียว การที่พระองค์ทรงกลับคืนชีพนั้นบอกเราว่า ถึงแม้ว่าเวลากลางคืนนั้น มันยาวนานแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายแสงสว่างของดวงอาทิตย์ในตอนเช้าตรู่ก็จะมาหาเรา หลังจากการรอคอยที่แสนทรมานและดูเหมือนกับว่าจะไม่มีวันสิ้นสุดลงได้ มีชีวิตไหนที่จะไม่มีความยากลำบาก มีใครที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวังสักครั้ง ใครเล่าที่ไม่เคยผ่านความทุกข์ทรมาน แต่ทางแห่งไม้กางเขนเป็นเส้นทางสำหรับการเดินทางไม่ใช่เพื่อการหยุดนิ่ง ถ้าไม่มีทางแห่งไม้กางเขนก็จะไม่มีพระสิริรุ่งโรจน์เช่นกัน ที่ที่เราจะนัดพบกัน ที่ที่เราเราต้องมุ่งไปให้ถึงคือ เหตุการณ์แห่งปัสกา เราต้องไม่จมอยู่ในความเศร้าโศกของวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์  แต่เราจะต้องเข้าสู่ความชื่นชมยินดีของวันอาทิตย์ปัสกา
      พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว แต่เหตุการณ์นี้จะเป็นประโยชน์อะไรสำหรับเรา ถ้าเราไม่รู้สึกซาบซึ้งในข่าวดีนี้ พูดอีกอย่างคือเราได้ดำเนินชีวิตและเตรียมพร้อมเพื่อต้อนรับพระคริสตเจ้าเข้ามาในจิตใจของเราหรือยัง หรือว่าความมืดมนคงยังอยู่ที่นั่น  และความตายยังคงควบคุมชีวิตเราอยู่ ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือเราต้องทำอย่างไรเพื่อดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า ทำอย่างไรให้ข่าวดีนี้ช่วยเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราให้ดีขึ้นทำอย่างไรให้ความชื่นชมยินดีและพละกำลังเข้ามาในจิตใจของเรา ทำอย่างไรให้ข่าวดีนี้ช่วยเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราให้ดีขึ้น  ทำอย่างไรให้ความชื่นชมยินดี และพละกำลังนั้นซึมซาบเข้าไปเสริมสร้างชีวิตของเราในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นชีวิตชุมชนวัด ชีวิตครอบครัว หรือชีวิตส่วนตัวก็ตาม ทำอย่างไรให้ท่าทาง คำพูด และพฤติกรรม สะท้อนความชื่นชมยินดีแห่งปัสกาตลอดเวลา
      พี่น้องที่รัก เราทุกคนสามารถทำให้เหตุการณ์ปัสกาเกิดขึ้นในชีวิตเราได้
      ทุกครั้งที่เรายังคงจะรักต่อไป แม้จะถูกเขาปฎิเสธ
      ทุกครั้งที่เราบอกกับตัวเองจะพยายามต่อหลังจากได้ทำความผิดพลาด           
      ทุกครั้งที่เราไม่ผิดหวัง แม้ทุกอย่างได้พังลงไปหมด
      ทุกครั้งที่เราเช็ดน้ำตาบนแก้มและตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นใหม่คือ เรากำลังมีส่วนร่วมในพระธรรมล้ำลึกแห่งปัสกา
 นั่นเอง ฉะนั้น ข่าวดีสำหรับเราทุกคนวันนี้คือ ไม่มีอะไรสามารถทำลายเราได้ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ทรมาน  ความเจ็บป่วย ความชั่วร้าย หรือความตายก็ตาม เพราะพระเยซูเจ้าได้เอาชนะทุกอย่างแล้ว เราเองก็จะทำได้เช่นกัน ถ้าเราไว้วางใจในพระองค์อย่างมั่นคง ขอให้เราทุกคนชื่นชมยินดีในความเชื่อของเราเถิด
        พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว อัลเลลูยา  อัลเลลูยา

พิธีกรรม


   สารวัดฉบับนี้ในแผนกพิธีกรรมเราขอนำความรู้ประจำเดือนพฤษภา -คม มาฝากคุณผู้อ่านทุกท่าน ทั้งในเรื่องของพระศาสนจักรและสังคมโลก
     วันที่ 1 ในเดือนพฤษภาคมของทุกปี พระศาสนจักรได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันแรงงานสากล หรือวันเมย์เดย์ และเป็นวันฉลองนักบุญยอแซฟ นอกจากนี้ พระศาสนจักรประกาศให้ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักรอีกด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากท่านทรงเป็นหัวหน้าครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า และผู้อภิบาลครอบครัวที่เข้มแข็งอย่างศรัทธากล้าหาญและเปี่ยมด้วยคุณธรรมนานัปการ เริ่มตั้งแต่เดินทางไปลงบัญชีสำมะโนประชากรที่เบธเลเฮม พระนางมารีย์ต้องบังเกิดพระกุมารในถ้ำเลี้ยงสัตว์ เพราะไม่มีที่พักในโรงแรม ต้องหนีราชภัยจากกษัตริย์เฮโรดไปพักอาศัยอยู่ที่ประเทศอียิปต์ชั่วระยะหนึ่งฯลฯ ที่นาซาเร็ธ ยอแซฟได้ทำอาชีพช่างไม้ด้วยความเหนื่อยยาก แต่ก็มีความชื่นชมที่ปฎิบัติตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า  รูปแบบของนักบุญยอแซฟ คือ กรรมกรที่สุภาพถ่อมตัว แต่ว่ายิ่งใหญ่แห่งเมืองนาซาเร็ธ นำเรามนุษย์ให้มุ่งไปหาพระคริสตเจ้า พระผู้ไถ่ของมนุษยชาติ พระบุตรของพระเจ้า พระองค์ได้มีส่วนร่วมในทุกๆ สภาพของมนุษย์  นักบุญยอแซฟได้สิ้นใจในอ้อมแขนของพระเยซูเจ้าและแม่พระ
      ภาพลักษณ์ของท่านนักบุญยอแซฟ
J   = Justic             ความยุติธรรม
O = Obedience     ความเชื่อฟัง
S  = Silence          ความเงียบ  ดุษณียภาพ
E  = Experience    ความสันทัดจัดเจน
P  = Prudence        ความเฉลียวฉลาด รอบคอบ
H  = Humility        ความสุภาพถ่อมตน
      ขอให้ภาพลักษณ์ของท่านนักบุญยอแซฟ กรรมกร ได้เป็นแบบอย่างให้กับเราในการเลียนแบบชีวิตที่เรียบง่ายและซื่อสัตย์อย่างท่าน
ที่มา: http://WWW.jsa.ac.th/2550/saint.htm

จิตอาสา


เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555  คุณพ่อแอนโทนี่และทีมงานวัดได้เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมจิตอาสาสำหรับเด็กเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ที่โรงเรียนภูพานทอง อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ได้ใช้โอกาสนี้ประเมินและปิดโครงการดังกล่าว โครงการส่งเสริมจิตอาสาสำหรับเด็กเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ได้ดำเนินงานตลอดปีการศึกษา 2554  โครงการนี้ทำให้เด็กนักเรียนได้รับการปลูกฝังในคุณค่าของผู้สูงอายุ แม้มิได้เป็นญาติแต่ก็ต้องดูแลท่าน  มอบความรัก ความห่วงใย เสมือนญาติผู้ใหญ่ของเราคนหนึ่ง 

เสกบ้านใหม่


ไม่ว่าจะใกล้ จะไกล แค่ไหนเราก็เป็นหนึ่งได้ด้วยแรงของคำภาวนาของคริสตชนคาทอลิก วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม คุณพ่อและสัตบุรุษวัดรวมเดินทางไปที่อำเภอนากลาง เพื่อถวายมิสซาและเสกบ้านใหม่ของครอบครัวอาจาร์ยมัณฑนา บุญประคม สัตบุรุษวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู  หลังจากมิสซาสิ้นสุดก็เป็นบรรยากาศของการรับประทานอาหารเที่ยง  ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง 

ค่ายคำสอนสัมพันธ์ ครั้งที่ 2


          เมื่อวันศุกร์ ที่ 30 มีนาคม 2555 วัดอัครเทวดามีคาแอลร่วมกับวัดครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ บ้านหมันขาว จ.เลย ได้จัดค่ายคำสอนสัมพันธ์ ซึ่งเป็นการจัดค่ายคำสอนในระดับเขตเมืองเลย  เพื่อเด็กนักเรียนคำสอนจะได้ทบทวนบทเรียนคำสอนที่ได้เรียนมา และเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กนักเรียนคำสอนต่างวัดในการรู้จักใช้ชีวิตร่วมกัน  

รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ในชุมชนวัด


        วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน  2555 ในช่วงสงกรานต์ไทย และถือว่าเป็นวันครอบครัวด้วย โดยการนำของคุณพ่อเจ้าอาวาสได้พาเด็กนักเรียนคำสอน เยาวชนชาย-หญิง ขอพรรดน้ำผู้ใหญ่ในชุมชนวัด สร้างความประทับใจสำหรับผู้สูงอายุ เพราะเราทุกคนได้เห็นคุณค่าของบรรพบุรุษแห่งความเชื่อ นอกจากนั้น ผู้สูงอายุ คือ คุณตาชูสง่า ก็ได้เป็นตัวแทนในการอบรม บุตร-หลาน ด้วย 2 ภาษา คือ ภาษาไทย และภาษาเวียดนาม วันนี้จึงเป็นวันครอบครัวของวัดเราจริงๆ

ไชโยแด่พระเจ้าเสียงลั่นเถิด อัลเลลูยา อัลเลลูยา


         เช้าวันอาทิตย์แห่งการสมโภชปัสกา หลังจากที่เราคริสตชนวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู  ได้ออกแรงด้วยความพยายามที่จะร่วมเดินทางแห่งความรอดพร้อมกับพระเยซูเจ้าตลอด 40 วันในเทศกาลมหาพรต  เราทุกคนได้ตระหนักถึงการพลีกรรมใช้โทษบาปในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงจัดสรรเวลาแห่งพระพรได้มีโอกาสทบทวนชีวิตจิตวิญญาณของตนเองมากขึ้น  โดยเฉพาะในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ทุกคนเตรียมจิตใจที่จะร่วมในพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าในช่วงโค้งสุดท้าย
        ค่ำคืนของวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์  งานเลี้ยงสุดท้ายของพระคริสตเจ้า  พิธีล้างเท้า และการตื่นเฝ้า พิธีกรรมคืนนี้มีความหมายสำหรับเราทุกคนโดยเฉพาะ พิธีล้างเท้า พระองค์ทรงสอนอะไรสำหรับเรา บรรดาอัครสาวกที่เราได้เตรียมไว้สำหรับพิธีล้างเท้า ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้ร่วมในพิธี บางคนถึงกับกล่าวว่าเป็นประสบการณ์แรกที่ได้มีส่วนร่วมในพิธีกรรมเป็นเกียรติและถือว่าเป็นพระพรอย่างยิ่งที่เราได้รับเลือกสรรหนึ่งในอัครสาวกทั้ง 12   การตื่นเฝ้าศีลมหาสนิทได้แบ่งกลุ่มผู้ใหญ่  เยาวชน โดยใช้รูปแบบภาวนาเทเซ่  ในเวลา 22.00 น. บ้านเด็กคุณแม่เทเรซาทำหน้าที่เฝ้าศีลและกลุ่มสุดท้ายคือ เยาวชนเวียดนาม ทุกอย่างเงียบสงบ เมื่อถึงเวลา 24.00 น.  
      วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันที่เราระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า สัตบุรุษมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ เวลา 17.30 น. พร้อมกันที่วัดเพื่อที่จะร่วมเดินทางเข้าสู่เนินเขากัลวารีโอ ความทุกข์ที่เราได้รับคงจะไม่สามารถเทียบเท่ากับความเจ็บปวดที่พระองค์ทรงได้รับ 
      วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ เสกน้ำ เสกไฟ คริสตชนพร้อมกันที่ลานจอดรถด้านหลังของบ้านเด็กคุณแม่เทเรซา เนื่องจากว่าก่อนที่จะเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตกลงมาโปรยปราย ทำให้การเสกกองไฟต้องทำในที่ร่ม แต่บรรยากาศก็ทำให้ไม่ร้อนอบอ้าว พิธีกรรมดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่ก็คงไว้ด้วยความสง่างาม  พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว อัลเลลูยา  อัลเลลูยา
      และอีกครั้งหนึ่ง  วันอาทิตย์สมโภชปัสกา พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพจริงแท้  อัลเลลูยา  อัลเลลูยา  ทุกคนมอบความรักให้แก่กันและกัน ด้วยรอยยิ้มแห่งวันสมโภชปัสกา  พระองค์ทรงอวยพรเราทุกคนด้วยแรงกาย แรงใจ ที่เราได้อุทิศถวายร่วมกับพระองค์ตลอด 40 วันที่ผ่านมา ใครที่ออกแรงมากก็จะได้รับพระพรมากมาย ส่วนผู้ที่ออกแรงน้อย ก็จะได้รับพระพรที่เล็กน้อยตามกำลังของตนเอง  หลังจากที่ได้รับพระพรอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว  กิจกรรมแห่งความสนุกสนานก็ได้เริ่มขึ้น โดยเริ่มจากกิจกรรมหาไข่ ด้วยความตื่นเต้นของบรรดาเด็กนักเรียนคำสอน สำหรับปัสกาปีนี้ มีอาสาสมัครชาวอเมริกา 2 คน มาช่วยจัดกิจกรรมซ่อนไข่ปัสกาและเล่นเกม ทุกคนได้รับความสนุกสนานความมันส์ ฮา สุดยอดจริงๆ หลังจากนั้น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยงแล้ว เฮ้   ไชโย  ขอบคุณพระเจ้า สำหรับทุกสิ่ง  อัลเลลูยา อัลเลลูยา 



ซัมเมอร์คอร์ส วันที่ 21 มีนาคม-27 เมษายน 2555

 เรายินดี แสนยินดี  หากว่าคุณมาเป็นเพื่อนกัน จะร่วมกันสาธุการ อ่านพระธรรมของพระเจ้า อยากบอกเธอเรารักเธอ อยากบอกเธอมาเป็นเพื่อนกัน แสนยินดีที่ได้พบเธอ มาเป็นเพื่อนกัน  อยากจับมือร่วมประกาศ ถึงพระนามของพระองค์ จนสุดฟ้า สุดแผ่นดินชั่วนิรันดร์ 
            ทุกๆเช้า ในรั้ววัดอัครเทวดามีคาแอล เราจะได้ยินเสียงร้องเพลง เสียงปรบมือของบรรดาเด็กๆที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กภาคฤดูร้อน ครั้งที่ 4  หรือที่เราเรียกกันว่า ซัมเมอร์คอร์ส  เราจะพบกับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ มิตรภาพที่ดี  ที่แต่ละคนจะมอบให้แก่กันและกัน มิตรภาพที่มิอาจซื้อหาได้ด้วยเงิน ทอง  แต่มิตรภาพแห่งโครงการนี้ได้ทำให้เด็กหลายๆคนได้พบเพื่อนใหม่  ได้มีบรรยากาศของครอบครัว  พี่ช่วยน้อง  น้องช่วยพี่ แม้ว่าอาจจะมีบางครั้งที่ต้องทะเลาะหรือชกต่อยกันบ้าง แต่ก็จบลงด้วยความเข้าใจกัน  รู้จักอภัยและให้เกียรติกันและกัน 
                เมื่อวันสุดท้ายของซัมเมอร์คอร์ส มาถึง ทุกคนต่างตื่นเต้น กับการแสดงบนเวที การแสดงผลงานของตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ให้กับผู้ปกครอง พี่ ๆ เพื่อนๆ น้องๆได้รับชมกัน  ตื่นเต้นน่าดู  มันเป็นช่วงเวลาที่สั้น แต่ก็จะพยายามให้ดีที่สุด   เสียงปรบมือ คำชมเชยและของขวัญสำหรับเด็กนักเรียนที่ขยันเรียน มารยาทดีที่ทุกคนตั้งตาตั้งใจที่จะรอคอยรางวัลนั้น  แม้ไม่ได้รับ ฉันก็ไม่เสียดายเพราะฉันยินดีและภูมิใจในตนเอง ที่ได้ร่วมเข้าโครงการซัมเมอร์ ครอส์  ณ ที่แห่งนี้ เราทุกคนได้รับความรู้ด้านวิชาการ  นอกจากนั้น เราทุกคนยังได้รับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เรียนรู้ที่จะเข้าใจ หัวอกหัวใจของคนรอบข้าง  อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ฉันและเพื่อนๆ ได้เลือกเดินในเส้นทางที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน   แม้ซัมเมอร์คอร์สจะจบลง  แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่จบ คือ มิตรภาพและความผูกพันที่เพื่อนใหม่ ได้มอบฝากไว้ให้กันและกัน คงเป็นภาพความทรงจำที่น่าจดจำตลอดไป  
           โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ภาคฤดูร้อน  ครั้งที่ 4  เป็นโครงการต่อเนื่องที่วัดของเราได้จัดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ปกครองที่ไม่มีเวลาดูแลบุตร หลาน ในช่วงปิดภาคเรียนที่ 2 โครงการนี้ได้รับการต่อยอดและพัฒนาโครงการให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนการสอน มุ่งหวังให้เด็กๆ ได้รับการพัฒนาศักยภาพของตนเองไปในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสมตามวัย มีการปรับตัวให้เข้ากับสังคม ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

           

ขอขอบคุณทุกน้ำใจ..เพื่อศาลานักบุญอาร์โนลด์


จากเหตุการณ์ที่พายุฤดูร้อนได้นำความเสียหายมาสู่ศาลานักบุญอาร์โนลด์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรม
วัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู จึงได้ขอรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาในการซ่อมแซมศาลานักบุญอาร์โนลด์
        บัดนี้ ศาลานักบุญอาร์โนลด์ได้รับการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยน้ำใจของผู้มีจิตศรัทธา พวกเราคริสตชนชาวจังหวัดหนองบัวลำภู ซาบซึ้งในน้ำใจดีของพี่น้องทุกท่าน ขอวิงวอนต่อท่านนักบุญอาร์โนลด์ ได้เสนอวิงวอนเพื่อท่านทั้งหลาย จงได้รับความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน พลานามัยที่แข็งแรง อุดมไปด้วยพระพรพระหรรษทานของพระตลอดไป