วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส


       ชุมชนวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู เป็นส่วนหนึ่งของพระศาสนจักรสากลที่ถูกสถาปนาขึ้นกว่า 2,000 ปีมาแล้ว พระศาสนจักรแห่งนี้ กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่สมบูรณ์ พระเจ้าทรงต้องการความร่วมมือจากพวกเรา ซึ่งความร่วมมือนั้นอาจเป็นสิ่งที่เล็กน้อยแต่มีความสำคัญ มีคำสุภาษิตของชาวเวียดนาม ได้พูดถึง “ การปฎิบัติเป็นเรื่องของมนุษย์ แต่ ความสำเร็จเป็นเรื่องของพระเจ้า ” หมายถึง สิ่งใดที่เป็นหน้าที่ของเรา เราก็ปฎิบัติตามหน้าที่นั้น  ส่วนผลงานจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่น้ำพระทัยของพระเจ้า
      มีเวอร์ชั่นในเรื่องของการสร้างโลกของพระเจ้าที่เราต้องการนำเสนอ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ เมื่อพระเจ้าสร้างโลก พระองค์ทรงสร้างไปเรื่อยๆ พระองค์ทรงสร้างพืช ทูตสวรรค์ทูลถามพระองค์ว่า          “ พระองค์สร้างโลกสำเร็จหรือยัง ” พระองค์ตรัสว่า “ ยังไม่สำเร็จ” พระองค์ทรงสร้างสัตว์นานาชนิด เช่น นก ปลา ทูตสวรรค์ทูลถามพระองค์ว่า “ พระองค์สร้างโลกสำเร็จหรือยัง” พระองค์ตรัสว่า “ ยังไม่สำเร็จ” พระองค์ทรงสร้างผลงานทีละชิ้น ทุกครั้งที่พระองค์ทรงสร้าง ทูตสวรรค์จะทูลถามพระองค์เสมอว่า  “ พระองค์สร้างโลกสำเร็จหรือยัง ” พระองค์จะตรัสสั้นๆว่า “ ยังไม่สำเร็จ”  สุดท้ายพระองค์ทรงสร้างมนุษย์และพระองค์ได้ตรัสกับมนุษย์ว่า  “ เราเหนื่อยแล้ว เราต้องการให้เจ้าทำให้โลกสมบูรณ์ ถ้าเจ้าตกลงจะทำเช่นนั้น เราจะร่วมมือกับเจ้า ” พวกเขาตอบตกลง หลังจากนั้น เมื่อบรรดาทูตสวรรค์จะทูลถามพระองค์ว่า “ พระองค์สร้างโลกสำเร็จหรือยัง ” พระองค์จะตรัสกับเขาเสมอว่า “ เราไม่ทราบ เจ้าต้องไปถามบรรดาผู้ที่ร่วมมือกับเรา ”  
     มีสิ่งต่างๆที่พวกเราสามารถทำได้และจำเป็นต้องทำ พระเจ้าจะไม่ทำสิ่งใดๆแทนเรา ที่พระองค์ไม่กระทำไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่สามารถทำได้ แต่พระองค์ต้องการให้เราร่วมมือกับพระองค์ เราต้องการหว่านเมล็ด นั่นคือ “ งานของเรา  ” แต่เมื่อทำสิ่งนี้แล้ว เราต้องเข้าใจว่า เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ เราไม่สามารถทำให้เมล็ดนั้นงอกขึ้นได้ ภารกิจนั้นเป็นของพระเจ้าและพระเจ้าจะทำหน้าที่ของพระองค์เอง
     เรามีบทบาทประกาศข่าวดีแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า สำหรับคนอื่นในทุกเวลา ไม่ว่าเวลานั้นจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เราต้องประกาศสำหรับบุคคลที่ปรารถนาที่จะรับฟังและสำหรับบุคคลที่ไม่ปรารถนาจะรับฟัง หน้าที่ของเรา คือ หว่านเมล็ดพืชพระวาจาของพระเจ้าและปล่อยให้เมล็ดนั้นงอกขึ้น เมื่อเรายังอยู่บนโลกนี้ เราทุกคนควรพยายามดำเนินชีวิต ให้สอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้า และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมล็ดแห่งพระวาจาของพระเจ้า ให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้มีพืชผลในการเก็บเกี่ยวอย่างมากมาย ในวันสิ้นพิภพ 

HIGHEST PEAK


Mt. Everest,  the highest peak of the Himalayas has an unexplainable attraction to professional mountain climbers. Anyone who has engaged themselves in this sport looks at it as a dream if one day they could touch their feet on its 8,880 meter peak, which all year round is covered in snow. Only a few realized their dream and many have given up along the way up. 

    Along the trail, people can see two memorial tablets. The first tablet contains the following words: “The last time they were seen while trying to climb.” The second tablet contains the words: “He died while climbing.” 

    If life is a ceaseless struggle, then living and practicing faith is the same. The importance is not whether one succeeds or fails, but that one gets up and keeps going. In fact, we should say ascending because the motto of Christians ought to be: “Today is better than yesterday, but not as good as tomorrow.” 

    The second secret to success is that we should never walk on the way of holiness alone. We must follow the examples of those who have gone before us, the saints, and we walk together hand in hand. Most importantly, we must walk in the footprints that Jesus left behind for us.  (R.Veritas)

75 องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์


นักบุญมาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก พรหมจารี

เราสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเดือนมิถุนายน ดวงหฤทัยที่เป็นเครื่องหมายยืนยันแห่งความรักที่พระองค์ทรงมีต่อมนุษย์ โดยการเผยแสดงความรักนี้ให้แก่นักบุญมาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก ได้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ นักบุญท่านนี้จึงเป็นดั่งเครื่องหมายของดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ในการที่จะเผยแพร่ความรักที่ดวงพระหฤทัยของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์  ดังนั้น เราจึงได้นำประวัติของท่านมาเผยแพร่ให้ผู้อ่านได้รู้จักและเผยแพร่ความรักนั้นต่อไป



ประวัตินักบุญมาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก
มาร์การีตา เกิดในประเทศฝรั่งเศล หลังจากรับศีลมหาสนิทครั้งแรกแล้ว ไม่นานเธอเป็นโรคอัมพาต แต่แม่พระโปรดรักษาให้หาย และเพื่อโมทนาคุณในเหตุการณ์นี้ เธอสัญญาว่าจะอุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พระเป็นเจ้า เมื่อเธออายุได้ 17 ปี พระเยซูเจ้าประจักษ์มาหาเธอ พร้อมทั้งบาดแผลที่เต็มไปด้วยพระโลหิต เธอจึงตัดสินใจเข้าบวชเป็นซิสเตอร์ใน  “ คณะแม่พระเสด็จเยี่ยมนักบุญเอลีซาเบธ ”
ซิสเตอร์มาร์การีตา มารีย์ รักพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทอย่างล้นพ้น และพระเยซูเจ้าก็ทรงตอบสนอง โดยให้เธอเห็นดวงหทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มีเปลวเพลิงพลุ่งออกมา และมีมงกุฎหนามสวมดวงหทัยนั้น  พระเยซูเจ้าได้ตรัสสัญญากับเธอว่า พระองค์จะโปรดประทานพรนานาประการแก่ผู้ที่ถวายเกียรติแด่พระหฤทัยของพระองค์ ทั้งจะให้เข้าอยู่ในศีลมหาสนิท และพระพรในยามเมื่อใกล้จะตายด้วย ถ้าหากเขาจะรับศีลมหาสนิทในวันศุกร์ต้นเดือนติดต่อกันถึง 9 ครั้ง
 พระเยซูเจ้าขอร้องให้เธอทำการชดเชยบาปแทนการเนรคุณของมนุษย์ ให้เธอเฝ้าศีลมหาสนิทและเผยแพร่ความรักที่พระหฤทัยของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์

ต้อนรับคริสตชนใหม่

โอกาสวันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า โดยการดูแลชีวิตฝ่ายจิตของสัตบุรุษวัด คุณพ่อแอนโทนี่ ได้ทำพิธีล้างบาปให้กับเยาวชนชาวเวียดนาม 1 คนและรับศีลมหาสนิทครั้งแรกเยาวชนชาย 1 คน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังพิธี     มิสซามีงานเลี้ยงแสดงความยินดี

ชีวิตจิตที่เรือนจำ

งานแพร่ธรรมที่เรือนจำ เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2555 คุณพ่อแอนโทนี่ พร้อมทีมงานวัดเดินทางไปที่เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่ออบรมชีวิตฝ่ายจิตสำหรับผู้ต้องขังชาย จำนวน 35 คน ที่นับถือศาสนาคริสต์เตียนและผู้ที่มีความสนใจในศาสนาคริสต์คาทอลิก นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจ ที่วัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู สามารถกระทำได้ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์เจ้า

บทเรียนในวันสมโภชพระหฤทัยพระเยซูเจ้า

เดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่พระศาสนจักรทำการสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นองค์แห่งความรักทุกประการ ความรักที่ดวงหฤทัยของพระองค์ทรงมีต่อเรา เราคงไม่กล้านิ่งเฉยที่จะไม่ประกาศข่าวอันน่ายินดีนี้แก่มนุษยชาติ ในแผนกพิธีกรรมเราพยายามที่จะค้นหาบทความที่ดีที่สุด เพื่อเป็นเครื่องมือในการค้นพบความรักที่ไม่มีขีดจำกัด โดยได้นำบทความที่มีข้อคิดดีๆ จาก คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์ สงฆ์มิสซังท่าแร่ -หนองแสง เราจะเริ่มต้น ด้วยบทละครแห่งความรักของชาย หญิง คู่หนึ่ง เมื่อได้อ่านแล้ว ก็พบกับคำตอบในคำพูดของชายผู้นี้ เช้าวันหนึ่ง ชายชราวัย 80 ปี กุลีกุจอมาหาหมอที่คลินิก บอกให้หมอช่วยทำแผลที่นิ้วหัวแม่มืออย่างรีบเร่ง เพราะมีนัดหมายในเวลา 08.30 น. หมอถอดผ้าพันแผลและทำแผลให้ ก่อนจะทำแผลให้ใหม่ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร หมอสังเกตเห็นชายชราดูรีบร้อน ดูที่นาฬิกาข้อมือบ่อยๆ จึงถามว่า “ คุณตามีนัดกับหมอคนอื่นอีกเหรอ ทำไมดูรีบร้อนนัก ” ชายชราตอบหมอว่าไม่ได้มีนัดกับใคร แต่ต้องการไปที่บ้านคนชราเพื่อรับประทานอาหารเช้ากับภรรยา เมื่อหมอถามถึงสุขภาพของภรรยา ชายชราบอกหมอว่าภรรยาย้ายไปอยู่ที่บ้านพักคนชราเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม คุณหมอจึงถามว่า “ หากคุณตาไปถึงที่นั่นช้าเพียงเล็กน้อย เธอคงเสียใจมาก ” แต่หมอก็ต้องแปลกใจเมื่อชายคนนั้นยืนยันว่าเธอจำเขาไม่ได้มา 5 ปีแล้ว หมอจึงถามว่า “ คุณตาไปที่นั่นทุกเช้า แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคุณตาเป็นใครกระนั้นหรือ ” ชายชรายิ้ม จับมือหมอและตอบว่า “ แม้เธอจะจำผมไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าเธอเป็นใคร มีความหมายอย่างไรสำหรับผม ” นี่คือ ตัวอย่างของความรักที่แท้จริงชายชราคนนั้นมีต่อภรรยาของเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นความรักนี้ยังดำรงคงมั่น ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้ว่าอีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้แล้วก็ตาม วันสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเป็นวันที่เราเฉลิมฉลองความรักของพระเจ้า ที่เปิดเผยให้เราทราบผ่านทางดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าที่ถูกทิ่มแทงเพื่อเรา พระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเป็นน้ำพุแห่งพระหรรษทานและความรักที่ไม่เหือดแห้งของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ เราสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ซึ่งความเชื่อคริสตชนบอกเราว่าพระเยซูเจ้าทรงพระชนม์อยู่และทรงเป็นองค์แห่งความรัก วันฉลองนี้เริ่มขึ้นในพระศาสนจักรตั้งแต่ปี ค.ศ. 1856 โดยการเผยแสดงของพระเยซูเจ้าต่อ นักบุญมาร์การิตา มารีย์ อาลาก๊อก ที่เผยให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญของพระองค์ กระทั่งวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1899 พระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ได้มอบถวายมนุษยชาติต่อดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ต่อมาในปี ค.ศ. 1928 พระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ได้รับการเฉลิมฉลองนี้ “ พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า ” เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรามนุษย์ “ พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร ” (ยน3:16) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนไม้กางเขน พระเยซูเจ้าทรงหลั่งโลหิตเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรามนุษย์ ความรักของพระเยซูเจ้านั้นไร้ขีดจำกัดและไม่สงวนสิ่งใดไว้สำหรับพระองค์เลย การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน คื่อ เครื่องหมายยืนยันว่าพระองค์ทรงรักมนุษย์มาก ทรงให้ได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตและเลือดหยุดสุดท้าย สิ่งที่ดีงามทรงให้มนุษย์ทั้งหมดไม่เหลืออะไรไว้สำหรับพระองค์เลย นอกจากสิ่งที่ไม่มีใครเขาอยากได้คือ กางเขนและมงกุฎหนามที่พระองค์ทรงรับไว้ บทเรียนชีวิต ให้เราได้แสดงความรักต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเป็นพิเศษ ด้วยควมเชื่อวางใจในพระองค์ มอบปัญหาและความต้องการต่างๆไว้กับพระองค์ ดวงพระหฤทัยที่รักเราอย่างหาที่สุดมิได้จะปกป้อง คุ้มครองเรา และประทานสันติสุขให้แก่เรา พระเยซูเจ้าได้คำมั่นสัญญาในการปรากฏพระองค์ให้แก่นักบุญมาร์การิตา มารีย์ว่า จะประทานพระหรรษทานที่ล้นเหลือสำหรับผู้ที่ศรัทธาภักดีต่อดวงพระหฤทัยของพระองค์ พระหฤทัยของพระเยซูเจ้าคงบทสรุปของพระวรสาร “ จงเลียนแบบจากเรา เรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน ” (มธ.11:29) วันสมโภชพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเตือนใจเราว่า พระเจ้าทรงรักเรา ปรารถนาจะอยู่ใกล้ชิดกับเรา เมื่อเรารับศีลมหาสนิท เราก็หนึ่งเดียวและชิดสนิทในพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงรักเราและสัญญาจะอวยพร ความรักของเราต้องมีลักษณะเดียวกันกับความรักของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฎิบัติต่อเพื่อนพี่น้องที่เราพบเห็นในแต่ละวัน เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อเราตระหนักว่าพระเจ้าทรงรักเราถึงเพียงนี้ เราก็ควรรักซึ่งกันและกันด้วยสิ่งนี้แหละคือ เครื่องหมายว่าเราเป็นศิษย์ของพระองค์
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมชื่อนายเฉลิม นฤมาณกันทร ชื่อเล่น เหลิม นะครับ ผมมาจากจังหวัดเชียงใหม่ และ มาเป็นผู้สนใจคณะ SVD ซึ่งตอนนี้ก็มาเรียนภาษาอังกฤษและช่วยงานอยู่ที่วัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู และสารวัดฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่ผมเขียนให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันนะครับ เป็นมุมมองของผมเองนะครับ ผมจะนำเสนอเรื่อง FaceBook ผมคิดว่าส่วนใหญ่จะมีและใช้กันอยู่ แต่เรารู้ ข้อดี และ ข้อเสีย มากน้อยเพียงใดนั้น เรามาลองอ่านกันดูนะครับ นุมมองของผม เฟสบุ๊ค มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ ข้อดีของมันคือ มีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ห่างไกลกันหรืออยู่ต่างประเทศ คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่พูดคุยกันอย่างเดียวแต่สามารถเห็นหน้าซึ่งกันและกันได้อีกด้วย มันเป็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่ใกล้ชิดกันตลอดแม้จะอยู่ห่างไกลกันแสนไกล และ เฟสบุ๊คใช้ง่ายในการส่งงานไม่ว่าจะด้านการศึกษา ด้านสังคม ฯลฯ เฟสบุ๊คยังสร้างเพื่อนและมิตรภาพต่อผู้ที่เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คอีกด้วยนะครับ นี่คือข้อดีบางส่วนของเฟสบุ๊ค        ข้อเสียของเฟสบุ๊คในมุมมองของผมคือ เมื่อเราใช้มันเป็นเวลาติดต่อกันนานๆมันจะทำให้เราขาดความมั่นใจในตัวเองเพราะมีคนมากมายเข้ามาคุยทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก และ มีทั้งผู้ที่ประสงค์ดีและประสงค์ร้าย คนที่โดนหลอกทางเฟสบุ๊คมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจ ร่างกายและทรัพย์สิน ผู้ที่อยู่กับเฟสบุ๊คมากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาทางจิต หรือขาดการปรับตัวทางสังคมที่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่น FaceBook ตั้งแต่ยังเด็ก เฟสบุ๊คอาจทำให้ผู้ที่ติดนั้นมีโลกส่วนตัวมากกว่าโลกแห่งความเป็นจริงเพราะสนใจแต่เรื่องที่เขานำเสนอทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจริงมากน้อยเพียงใด และเฟสบุ๊คเป็นภัยของสังคมที่ร้ายแรงมากเมื่อผู้ที่ใช้มันในทางที่ผิด เช่น เข้าไปใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ ดูถูกหรือเหยียบหยามซึ่งกันและกัน สุดท้ายก็เกิดการทะเลาะวิวาทอย่างที่เราเห็นอยู่ในข่าว พวกนักเรียนตีกัน ฆ่ากัน ฯลฯ ดังนั้น เราควรที่จะใช้เฟชบุ๊คให้ถูกวิธีและเหมาะสมไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหายนะครับ         สำหรับเราคริสตชน เราสามารถใช้เฟสบุ๊คในการเผยแพร่พระวาจาของพระเจ้าโดยการนำเรื่องราวต่างๆของศาสนามาแชร์ให้กับเพื่อนพี่น้องของเราและที่สำคัญเราสามารถถามพระสงฆ์ในเรื่องที่เราไม่เข้าใจในพระวาจา ณ ตอนนี้ส่วนใหญ่พระสงฆ์จะใช้เฟสบุ๊คในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับผู้ที่ต้องการ หวังว่าท่านจะเป็นธรรมทูตอีกท่านหนึ่งในการเผยแพร่ข่าวดีขององค์พระเยซูคริสตเจ้า โดยผ่านทางเฟสบุ๊ค ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน เราต้องประกาศให้เพื่อนพี่น้องหรือคนต่างศาสนารู้ว่าเรา คือ คริสตชน เช่น เวลาเราไปทานอาหารในร้านอาหารหรือที่ต่างๆเราควรทำสัญลักษณ์ไม้กางเขน ตื่นเช้ามาสวดขอพรและก่อนเข้านอนสวดขอบพระคุณพระ เป็นต้น เพียงแค่เราลงมือปฎิบัติก็เป็นการแสดงถึงการเป็นคริสตชนที่แท้จริงขององค์พระเยซูพระผู้เป็นเจ้าของเรา หวังว่า ท่านผู้อ่านจะได้รับสิ่งใหม่ๆที่ผมได้แบ่งปันในวันนี้นะครับ แล้วพบกันใหม่ในฉบับหน้า สวัสดีครับ