วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส

           มีชายฝรั่งเศสสองคน ชอบท่องเที่ยวไปประเทศต่างๆ เขาใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทาง ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนหลาย สิบประเทศ และได้รวบรวมประสบการณ์มากมาย พวกเขาใช้เวลา 3 ปีเพื่อที่จะปั่นจักรยานจากประเทศฝรั่งเศสไปประเทศไทย เมื่อถึงประเทศไทย เขาได้ใช้เวลา 1 ปี เป็นอาสาสมัครในค่ายลี้ภัยที่ชายแดนไทย- พม่า อีก 9 เดือนเพื่อที่จะเดินทางทั่วประเทศจีน และอีก 6 เดือนเดินทางเยี่ยมเยียนประเทศญี่ปุ่น เกาหลีและไต้หวัน หนึ่งในสอง คนนี้ได้กล่าวว่าระหว่างการเดินทางนั้น แม้จะมีประสบการณ์ที่ดีมากมายแต่ก็มีอันตรายไม่น้อย ในบางครั้งระหว่างการเดินทางไปประเทศต่างๆพวกเขาถูกโจรทำร้าย และในตะวันออกกลางทุกวันเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่ผู้คนถูกฆ่าด้วยความรุนแรงในประเทศอินเดีย หลังจากที่พวกเขาได้ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ในค่ายดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อนแห่งหนึ่ง เขาได้เขียนในสมุดบันทึกของตนเองว่า หลังจากที่ได้มาอยู่ที่นี่ พวกเรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรในชีวิตที่จะต้องบ่นอีกต่อไป นี่อาจจะเป็นประสบการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตของหนุ่ม 2 คนนี้ การที่เขาได้สัมผัสกับอันตราย ความทุกข์ยากลำบากและความสุขของชนชาติต่างๆ ได้ช่วยให้เขาซาบซึ้งในความเป็นครอบครัวเดียวกัน ในโลกที่มีความหลากหลาย ชีวิต คือ การเดินทาง ไม่ใช่แค่การเดินทางวันหรือสองวัน แต่เป็นการเดินทางระยะยาวเพื่อที่จะไปสู่เป้าหมายของชีวิต อับราฮัมบรรพบุรุษของเราได้ถูกพระเจ้าเรียกและสั่งให้ละทิ้งบ้านเกิดของตัวเองและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะไปในถิ่นที่ท่านไม่เคยรู้จัก พระเจ้าเชิญชวนประชากรชาวยิวให้ออกจากประเทศอียิปต์ เพื่อก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา การเดินทางทุกครั้งต้องการความเสียสละ และความเข้มแข็ง บางครั้งเราต้องละทิ้ง สิ่งที่เรารักที่สุดในชีวิต อับราฮัมได้ละทิ้งบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับมนุษย์ทุกคน บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าได้ละทิ้งอาชีพ ครอบครัวและทุกอย่างเพื่อติดตามพระองค์ และใช้ชีวิตพเนจร ไม่ว่าจะเดินทางในรูปแบบไหนก็ต้องมีการสูญเสีย แต่ถ้าไม่มีการสูญเสีย นั่นก็ไม่สามารถแสวงหาสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าได้ พระศาสนจักรถือว่าเป็นประชากรของพระเยซูเจ้า ที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองสวรรค์และ คริสตชนทุกคนถูกเชิญชวนให้มีส่วนร่วมในการเดินทางนี้ เราจะไม่เดินทางอย่างโดดเดี่ยว แต่มีคนมากมายร่วมเดินทางด้วย เราไม่ต้องก้าวเดินด้วยความเศร้าโศก เพราะว่าที่ที่เป็นเป้าหมายที่กำลังรอคอยเรานั้น เป็นที่เต็มไปด้วยความสุขและสันติ การเดินทางไปในที่ต่างๆย่อมเสี่ยงอันตราย แต่คริสตชนไม่ต้องก้าวเดินด้วยมือเปล่า สัมภาระของพวกเรา คือ พละกำลังที่พระคริสตเจ้าประทานให้แก่เรา ดั่งที่ประชากรชาวยิวได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยมานา ระหว่าง การเดินทางมุ่งสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา พระองค์ทรงนำหน้าพวกเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆและตอนกลางคืนด้วยเสาเพลิง มิได้คลาดจากเบื้องหน้าประชากรเลย คริสตชนก็ก้าวเดินด้วยพระหรรษทานและพละกำลังที่ได้รับจากพระคริสตเจ้า ขอให้เราทุกคนได้เดินทางพร้อมกัน ด้วยความมั่นใจ ความพากเพียรและความซื่อสัตย์ตลอดไป

ประวัตินักบุญมารีย์ กอเรตตี พรหมจารีและมรณสักขี ระลึกถึงวันที่ 6 กรกฏาคม

          เด็กหญิงน้อยๆ อายุเพียง 12 ขวบ ได้ถูกแทงตายด้วยเหล็กแหลม เธอเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่โหดร้ายทารุณ มารีอา เทเรซา กอแร็ตตี เกิดที่ตำบลโครินัลโดในจังหวัดอังโกนา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1890 เธอได้กำพร้าพ่อตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ เธอจึงต้องคอยเอาใจใส่เลี้ยงดูน้องๆ อีก 4 คน เวลาที่แม่ออกไปทำงาน พวกที่รู้จักชอบพอกันมักจะเรียกเธอว่า “มารีแอตตา” เธออาศัยอยู่ในฟาร์มแห่งหนึ่งที่แฟร์รีเอเร ดี คองกา ใกล้ๆกับเมืองแนตตูร์โน เธอน่าสงสารมาก ต้องทำงานยากลำบากเพราะครอบครัวยากจน แต่ความศรัทธาของเธอไม่ยากจนเลย กลับทวียิ่งขึ้นเรื่อยๆ เธอได้ถูกหนุ่มคนหนึ่งชักชวนเธอไปในทางที่ไม่ดีหลายๆ ครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมโอนอ่อนตาม รู้สึกว่าจะเป็นการทดลองที่น่ากลัวมากสำหรับตัวเธอ เธอไม่ยอมทำบาปเป็นอันขาด ที่สุดเธอก็ต้องจบชีวิตลงด้วยการเป็นมรณีสักขีเพราะต้องการรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ ก่อนสิ้นใจเธอได้ยกโทษให้ฆาตกรพลางมอบชีวิตของเธอเองแทนฆาตกรด้วย ฆาตกรคนนี้ภายหลังได้กลับใจ และได้เป็นพยานยืนยันถึงคุณธรรมวีรกรรมของเธอด้วย  คุณแม่อัสซุนตา อายุได้ 84 ปี พร้อมกับลูกๆ อีก 4 คนได้มีโอกาสร่วมพิธีสถาปนาบุตรีน้อยของเธอเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปา ปีโอที่ 12 ในปี 1950 จากตัวอย่างชีวิตของนักบุญมารีอา กอแร็ตตี เป็นการเตือนบรรดาหญิงสาวทั้งหลายในวันนี้ให้รู้จักรักษาป้องกันศักดิ์ศรีและความบริสุทธิ์ของตน ให้พ้นจากผู้ที่ต้องการจะทำลายย่ำยี นักบุญมารีอา กอแร็ตตี แม้ว่ายังเด็กอายุเพียง 12 ขวบและเพิ่งได้มีโอกาสรับศีลมหาสนิทเพียง 5 ครั้งเท่านั้นเอง พระบิดาเจ้าสวรรค์ได้ทรงพระกรุณาบันดาลให้พลังอำนาจแห่งความรักของเธอส่องแสงสุกใสในตัวเธอแล้ว

นักบุญคามิลโล เดอ เลลลิส พระสงฆ์ (1550 - 1614) ระลึกถึงวันที่ 14 กรกฎาคม

                 คามิลโล เป็นตัวอย่างของการทำงานของพระหรรษทานในตัวมนุษย์จะสามารถทำได้ ท่านเกิดที่เมืองบุคคีอานีโก จากตระกูลของมาร์ควิส เดอ เลลลิส  ท่านใช้ชีวิตในวัยหนุ่มมาอย่างโลดโผน เพราะได้รับการอบรมมาไม่สู้ดีนัก ได้เข้ารับราชการทหารต่อสู้กับพวกเตอร์กและได้เรียนรู้พยศชั่วต่างๆ ของพวกทหารในสมัยนั้น ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้รบและต้องเข้าโรงพยาบาล ท่านได้สูญเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเล่นไพ่ และได้ออกจากโรงพยาบาลซึ่งเวลานั้นเกือบหายดีแล้ว เพราะท่านได้รั บการต้อนรับจากนักบวชคณะกาปูชิน ซึ่งได้เป็นโอกาสทำให้ท่านได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง และได้เข้าเป็นนักบวชในคณะนี้ แต่ว่าแผลเก่าที่ขาของท่านได้กำเริบขึ้นมาใหม่อีกและไม่เคยหายสักที ท่านจึงจำใจต้องออกจากคณะนักบวช ในโรงพยาบาลซึ่งพวกที่เป็นโรคเรื้อรังมาทำการรักษาอยู่นั้น ท่านได้เห็นความทุกข์ทรมาน น่าส งสาร ท่านได้มีโอกาสสัมผัสพูดคุยกับคนป่วยทุกชนิด และเพราะได้แลเห็นตัวอย่างแห่งความรักเมตตาของนักบุญ ฟิลิป เนรี ทีแรกท่านได้เริ่มลงมือให้บริการแก่ผู้ที่พักฟื้น ต่อมาท่านได้คิดที่จะตั้งคณะนักบวชขึ้นคณะหนึ่งสำหรับช่วยคนป่วยไข้โดยเฉพาะ คือคณะคามิลเลียน ซึ่งมีกางเขนแดงที่หน้าอกเป็นเครื่องหมาย ท่านได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ และได้ช่วยให้คนเป็นจำนวนมากได้กลับใจ โดยได้อุทิศตัวเองทั้ง ครบให้กับทุกคน เพราะท่านเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดังนั้นในปีที่แม่น้ำไทเบอร์เกิดท่วมใหญ่คือ ปี 1597 ท่านได้สามารถช่วยพวกคนป่วยให้รอดจากการจมน้ำตายได้อย่างอัศจรรย์ ท่านนักบุญยอห์นแห่งพระเจ้าเป็นองค์อุปถัมภ์ของพวกคนป่วยของพวกผู้รักษาพยาบาลและของโรงพยาบาล ขอให้เราได้พยายามที่จะชี้แสดงให้บรรดาผู้ต้องทนทุกข์ทรมานและบรรดาคนป่วยทั้งหลายเห็นว่า ความชั่วร้ายทั้งหลายจะต้องพ่ายแพ้ต่อพระคริสตเจ้าในทุกวิถีทางโดยอาศัยความรักเมตตาของเรา
                                                                                                                 ข้อมูลจาก..สังฆมณฑลกรุงเทพ

ชีวิตสนิทกับพระ

           สวัสดีครับ พบกันอีกแล้วกับสารวัด วันนี้ผมจะมาแบ่งปัน การเข้าเงียบของพี่ๆชาวเวียดนามนะครับ ผมได้มีโอกาสมองดูและสัมผัสชีวิตการเข้าเงียบ ความศักดิ์สิทธิ์ ความศรัทธาของพี่เยาวชน ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ตัวผมไม่ได้เข้าเงียบร่วมกับพี่ๆ แต่ผมก็มีส่วนร่วมโดยการบริการในทุกๆด้าน และผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่เวียดนามที่ร่วมเข้าเงียบในครั้งนี้ เขารู้สึกประทับใจมากและเขาบอกว่าได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น ได้มีโอกาสเงียบอยู่กับตัวเอง สิ่งต่างๆก็เข้ามาในความคิดทำให้เราได้รับสิ่งใหม่ๆและเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดี ส่วนตัวผมเอง เท่าที่ได้เห็นและได้มีโอกาสสัมผัสกับการเข้าเงียบครั้งนี้ ก็รู้สึกมีความคิดลึกๆอยู่ในใจว่า ทำไมพี่ๆ ชาวเวียดนามถึงมีความสามัคคีและมีความร้อนรน ในการแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า บางคนก็เดินทางมาจากประเทศเวียดนามเพื่อที่จะเข้าเงียบ บางคนยังไม่ได้เป็นคริสตชน แต่ก็มีความปรารถนาที่จะมาร่วมเข้าเงียบ ผมในฐานะที่เป็นคริสตชนคนไทยคนหนึ่ง ก็อยากจะเห็นภาพและกิจกรรมเยาวชนของวัดเราให้เหมือนกับพี่ๆเวียดนามที่ได้ทำกิจกรรมเช่นนี้ หาดูได้ยาก ถึงแม้พี่ๆ แต่ละคนจะมีภารกิจที่แตกต่างกันแต่ก็ยังอุตส่าห์เดินทางมาร่วมเข้าเงียบ ไม่ว่าพี่บางคนจะติดเรียนหรือมีงานประจำ พี่เยาวชนก็ยังหาเวลาให้กับตัวเอง เพื่อจะได้อยู่ใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ตาม เขาก็ยังทำได้ สุดท้ายนี้ ผมก็ขอฝากเพื่อนพี่น้องทุกคน ถ้าต้องการหรือสนใจทำกิจกรรมเยาวชน ก็สามารถมาเสนอตัวได้ ที่วัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู แล้วโอกาสจะมีสำหรับผู้ที่แสวงหาเท่านั้น ฉบับนี้ต้องลาคุณผู้อ่านที่น่ารักไปก่อนฉบับหน้าจะมีอะไรมาฝากขอให้ติดตามผลงานเขียนของผมได้นะครับ สวัสดี
                                                                                                                                 เฉลิม นฤมาณกันทร

จงเป็นเกลือของแผ่นดินและแสงสว่างของโลก


ไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนคือคนเหมือนกัน ฉบับนี้มาแปลกมาก ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2555 งานด้านคำสอนดูเหมือนว่าจะมีการเรียนคำสอนอย่างเข้มมากๆ โดยเฉพาะเยาวชนเวียดนามมีเรียนเกือบทุกวันเพราะอะไรนั้นเรามีคำตอบค่ะ เนื่องจากว่าสิ้นปีนี้ คุณพ่อแอนโทนี่ เจ้าอาวาสวัดมีภารกิจจะต้องไปศึกษาปริญญาเอกที่กรุงเทพฯ จึงเป็นสาเหตุให้เยาวชนเวียดนามหลายๆคนต้องหาเวลามาเรียนคำสอน เพราะความผูกพันและการดูแลชีวิตฝ่ายจิตของคุณพ่อทำให้ทั้งเยาวชน เด็กนักเรียนคำสอน สัตบุรุษวัดเองก็มีความปรารถนาที่จะให้คุณพ่อได้โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ นี่แหละเป็นประจักษ์พยานของพระคริสต์เจ้าด้วยชีวิต
งานคำสอน 
จากแบบอย่างของคุณพ่อ และพระดำรัสของพระเยซูเจ้าได้ตรัสกับเราทุกคน ให้เป็นเกลือของแผ่นดินและแสงสว่างของโลก ในโอกาสที่วัดของเราได้จัดกิจกรรมงานวันคำสอนขึ้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี โดยใช้หัวข้อในการอบรม 

“ จงเป็นเกลือของแผ่นดินและแสงสว่างของโลก ” 
            จำนวนนักเรียนคำสอนที่เข้าร่วมกิจกรรม 45 คน จากนักเรียนคำสอนที่วัดของเราเองและนักเรียนหญิงที่อยู่ในการดูแลของซิสเตอร์ดอมินิก จังหวัดอุดรธานี จำนวน 21 คน ทุกคนน่ารักมาก เราจัดกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2555 เริ่มกิจกรรมเวลา 09 .00 โมงเช้า ในช่วงแรกของการจัดกิจกรรมเป็นการสวดขอพรโดยเริ่มด้วยพิธีกรรมเปิดการอบรม หลังจากนั้นกิจกรรมหลอมละลายก็ได้เริ่มขึ้น ช่วงแรกทุกคนก็ยังมีความเขินอายกันบ้างแต่ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเรียนรู้ออกจากตนเอง เรียนรู้จักเพื่อนใหม่ เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่าง เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่แล้วก็นำกิจกรรมเข้าสู่การอบรมในหัวข้อที่กล่าวไว้แล้วนั้น พระเยซูเจ้าบอกเราให้เป็นเกลือและแสงสว่างของโลก ในความหมายนี้ หมายถึงอะไร นั่นคือ สิ่งที่เราจะต้องค้นหาคำตอบไปด้วยกัน ให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกที่เป็นพยานที่มีความเชื่อ เหนือการดำรงชีวิตของคนอื่นๆให้ชีวิตเรามีรสชาติ สามารถที่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้ ในที่นี้หมายถึงให้เราได้ดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไปโดยการเป็นพยานที่แสดงออกโดยการมีมิตรภาพที่แท้จริง การแสดงมิตรภาพแห่งพระคริสต์ ความรักเป็นส่วนผสมสำคัญในมิตรภาพแท้ “เมื่อความรักเต็มหัวใจแล้ว มันจะไหลออกไปยังผู้อื่น” โดยสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถเป็นเกลือแห่งแผ่นดินและแสงสว่างของโลกได้

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส



ปัจจุบัน เรามีผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปหลายชนิด ที่สามารถนำ
ไปบริโภคและใช้ได้ทันที เช่น มาม่า กาแฟ หรือการถ่ายภาพด่วนที่รอรับได้เลย  สิ่งต่างๆ เหล่านี้ แม้เราจะรู้ว่าคุณภาพของสินค้านั้นจะไม่ดี แต่เราก็ยังนิยมและบริโภค ด้วยเหตุผลที่ว่าประหยัดแรงและเวลา แต่เราไม่ควรลืม ในบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถรีบเร่งได้ เช่น การพัฒนาคนให้เป็นบุคคลที่สมบูรณ์ เป็นงานที่ต้องใช้เวลาตลอดชีวิต ในขณะที่เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับใครสักคน เราก็ต้องการเวลามากเช่นกัน การที่พ่อ แม่ จะเข้าใจลูกของตนเองก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย และการเอาชนะบาปและนิสัยที่ไม่ดีก็ไม่ใช่เป็นงานที่จะทำสำเร็จได้ภายในวันหรือสองวัน 
      ในโลกปัจจุบัน ได้ถูกขนามนามว่าเป็นยุคอัตโนมัติ ยุคของการกดปุ่ม เรากดปุ่มเครื่องจักรเพื่อให้เครื่องจักรทำงาน เรากดปุ่มสวิตซ์ไฟเพื่อได้แสงสว่าง เรากดปุ่มเพื่อให้ประตูเปิด เรากดปุ่มเพื่อที่จะส่งจดหมาย และอื่นๆ อีกมากมาย ขณะที่เรามีวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะประหยัดพลังงานย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่วิธีใช้ชีวิตแบบกดปุ่มจะทำให้เรามีแนวโน้มที่จะแสวงหาสิ่งต่างๆด้วยความง่ายดาย แทนที่จะทำอะไรที่ท้าทาย เราบอกตัวเองว่า จะไปเยี่ยมผู้สูงอายุ คนเจ็บป่วยให้เสียเวลาทำไม ทำไมเราไม่โทรเยี่ยมน่าจะสะดวกกว่า มีหลายเรื่องในโลกนี้ที่เราอยากแก้ไขและเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน การกดปุ่มในเรื่องบางอย่างก็ไม่สามารถกระทำได้ดั่งใจหวังและไม่มีปุ่มไหนที่ใช้แทนการฝึกฝนทักษะได้  เช่น ทักษะในการเล่นไวโอลีน หรือเป็นนักกีฬามืออาชีพ   
      พี่น้องที่รัก ถ้าเราคิดคำนึงอย่างถี่ถ้วนแล้ว เราจะพบว่า อะไรที่เราสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและสะดวก บ่อยครั้งจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น ตรงกันข้าม หากเรากระทำสิ่งใดที่ต้องใช้เวลาแรงกาย แรงใจ และความเสียสละกลับมีคุณค่ามาก เมื่อเราย้อนกลับเข้ามาดูตัวเองจะพบว่าชีวิตของเราได้ใช้ชีวิตแบบกดปุ่มหรือชีวิตแบบอาหารสำเร็จรูป ให้เราพิจารณาใหม่ใน วิถีชีวิตของตนเอง และปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์ขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆประกอบเข้ามามีส่วนให้ความเป็นมนุษย์ดีขึ้น
     พระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ไม่ได้กอบกู้มนุษยชาติด้วยการตรัส แต่คำเดียวหรือด้วยการกดปุ่มสักอัน แต่พระองค์ได้วางแผนการกอบกู้นั้นอย่างเป็นระบบแบบแผน มีขั้นตอนที่ยิ่งใหญ่ และใช้เวลาเป็นพันๆปี เพราะฉะนั้น เราก็ไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ ถ้าหากเราไม่ยอมออกแรง ทั้งแรงใจ เวลาและการเสียสละ นี่คือ ปัจจัยที่จำเป็น สำหรับการสร้างชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย            

Three Minute Reflection: Feeling Beautiful Inside and Out


According to writer Kimberly Snyder, eating the right foods not only improves physical appearance, but also gives a much needed boost to self-esteem.  “I believe the word ‘health’ is synonymous with the word ‘beauty,’” Snyder said in USA Weekend magazine.     To find your own inner beauty through a healthy diet, here are some nutritional tips:* Cut out the soda.  Soda adds unwanted calories.
* Load up on red peppers.  Red peppers are full of Vitamins A and C, which prevent cell damage and premature aging.
* Add fresh herbs.  Herbs such as cilantro and parsley can help remove unhealthy toxins from the body.
* Less acidity, more alkalinity.  Studies show food higher in alkalines is not only delicious, but produces shinier heads of hair.
* Count on kale.  Kale is a powerful antioxidant and blood cleanser.
    Remember, cleanliness is next to godliness, so keep your body healthy and clean.  You’ll feel more beautiful inside and out. Take care of your health.
(Sirach 18:19)Lord, help us take care of our bodies, the temple of our souls.

งานแพร่ธรรมประเทศลาว



เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสได้ไปเยี่ยม พระสงฆ์ ซิสเตอร์และคริสตชนในประเทศลาว ประเทศลาวเป็นประเทศหนึ่งที่ถูกเบียดเบียนคริสต์ศาสนาและต่อต้านการแพร่ธรรม ดังนั้น พระสงฆ์หรือซิสเตอร์ต้องทำงานอย่างลับๆ พวกท่านเหล่านั้นได้อาศัยอยู่กับชาวบ้านและสอนคำสอนให้กับคนที่ต้องการอย่างลับๆ คริสตชนในประเทศลาวมีความศรัทธาอย่างมากและเขามีความเข้มแข็งในการเป็นลูกขององค์พระผู้เป็นเจ้า แม้จะถูกเบียดเบียนก็ตาม ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยกับบราเดอร์คนหนึ่งเขาอยู่คณะเยซูอิต เขาเป็นคนเวียดนาม และเขาก็ได้เล่าให้ผมฟังว่า ในประเทศลาว มันยากในการที่เราจะแพร่ธรรมอย่างเปิดเผย ที่เวียดนามก็เช่นเดียวกันรัฐบาลเขากลัวว่า เมื่อศาสนาเข้ามาและเจริญเติบโต มันจะทำให้รัฐบาลมีอำนาจในการปกครองประชาชนน้อยลง และเขากลัวอีกว่า เมื่อศาสนาเข้ามามีอิทธิพลในประเทศของเขา ประชากรของเขาจะมีความเคารพศาสนามากกว่า การเคารพรัฐบาล
       เราซึ่งอยู่ในประเทศที่มีอิสระเสรี ในการทำทุกอย่างและที่สำคัญเราผู้ซึ่งเป็นคริสตชนและเป็นลูกขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราต้องมีความเชื่อ ความรัก ความไว้ใจ มากกว่าผู้ที่ไม่มีโอกาสเหมือนกับเรา เราโชดดีแค่ไหน ที่เราเกิดมาในประเทศที่มีความพร้อมทุกอย่างในการดำเนินชีวิต ดังนั้น เราจงไว้วางใจในพระเป็นเจ้าเถิด ทุกอย่างจะดีเอง 
      นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานแพร่ธรรมในพระศาสนจักรที่ถูกเบียดเบียนการเป็นคริสตชนที่ดีไม่ใช่ขึ้นอยู่กับสถานที่หรือปัจจัยภายนอก แต่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติหน้าที่ของการเป็นคริสตชนที่ดี สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีความหมายสำหรับ
คริสตชนที่แท้จริง                                    .. เฉลิม  นฤมานกันทร .. 

ประมวลภาพกิจกรรมประจำเดือนมิถุนายน 2012


แบ่งปันพระวาจา
    ทุกวันอาทิตย์หลังบูชาขอบพระคุณ เยาวชนวัดอัครเทวดามีคาแอล เข้าร่วมกิจกรรมแบ่งปันพระวาจา ซึ่งเป็นกิจกรรมใหม่ที่ทางวัดของเราได้จัดทำขึ้นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตจิตสำหรับเยาวชนให้เข้มแข็งในความเชื่อที่มีต่อองค์พระคริสต์เจ้า โดยแบ่งเยาวชนออกเป็น 5 กลุ่ม แต่ละสัปดาห์ก็จะหมุนเวียนกันรับผิดชอบ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ดูแลจิตวิญญาณของตนเอง และดูแลจิตวิญญาณของเพื่อนพี่น้อง  กิจกรรมแบ่งปันพระวาจาเริ่มดำเนินงานมาได้ 1 เดือนแล้ว คาดว่าจะเป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องสำหรับกลุ่มเยาวชนของวัดอัครเทวดามีคาแอล        

แม้จะใกล้  ไกล  เราก็ไปถึง

     วันที่ 14 –15 มิถุนายน 2555  คุณพ่อแอนโทนี่ เจ้าอาวาสวัด คุณพ่อตรึกฟาน พร้อมทีมงานวัด เยี่ยมชมงานแพร่ธรรมที่อาสนวิหารเวียงจันทน์  ประเทศลาว ได้พบปะพระสังฆราชและคุณพ่อชาวเวียดนามที่ทำงานอยู่ประเทศลาว ในโอกาสที่ไปเยี่ยมชมงานแพร่ธรรมครั้งนี้ โดยการนำของคุณพ่อแอนโทนี่ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนงานคำสอน คุณพ่อได้จัดกิจกรรมคำสอนสำหรับกลุ่มเด็กและเยาวชน ประมาณ 50  คน  ทั้งยังใช้เวทีนี้เป็นตัวกลางนำหนังสือที่ได้รับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา โดยเฉพาะหนังสือจากศูนย์คำสอนสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เพื่อมอบให้กับซิสเตอร์เพื่อสร้างห้องสมุดที่ปากเซ  บรรยากาศที่ประเทศลาวค่อนข้างร้อน ท้องถนนเต็มไปด้วยฝุ่นแต่ก็มีตัวช่วยที่ทำให้เราคลายความร้อนได้บ้าง นั่นก็คือ ต้นไม้ ทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ มองดูแล้วสดชื่นขึ้นมาทันที  คณะแพร่ธรรมเดินทางมาถึงเป้าหมายเวลา 10 นาฬิกา  มีคุณพ่อและ คริสตชนให้การต้อนรับ  คริสตชนส่วนใหญ่จะเป็นชาวเวียดนามที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ประเทศลาว  จะเห็นได้ว่า งานแพร่ธรรม คงไม่ใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่สำคัญสำหรับคริสตชนทุกคนที่จะ ปฏิบัติหน้าที่แพร่ธรรมด้วยความร้อนรน   

ประมวลภาพกิจกรรมประจำเดือนมิถุนายน 2012


เปิดประตูอาเซ๊ยน
     เมื่อวันเสาร์ที่ 16  มิถุนายน  2555 คุณพ่อได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายสำหรับนักศึกษาปริญญาเอก ด้านการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยตะวันออกเฉียงเหนือ  ในหัวข้อเรื่อง   “ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2015  ”  ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น  ในช่วงนี้คุณพ่อได้รับเชิญจากหลายหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนให้เป็นวิทยากรสอนภาษาอังกฤษในทุกอาชีพ คุณพ่อได้มีโอกาสพบปะกับบุคคลต่างๆ มีการแลกเปลี่ยนทางด้านศาสนา และเป็นโอกาสที่ดีในการแพร่ธรรมอีกทางหนึ่ง        

วิทยากรอาเซียน   
      ทุกหน่วยงานข้าราชการ เปิดประตูต้อนรับ การเข้าสู่อาเซียน ปี 2558 หรือ 2015  การสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารครั้งนี้ คุณพ่อแอนโทนี่ ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรสอนในหน่วยงานของเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ทุกคนให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษครั้งนี้มาก อาทิ นายกเทศมนตรี หัวหน้ากลุ่มงานต่างๆ เข้ารับการอบรมพร้อมหน้าพร้อมตา ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู 

อนุรักษ์วัฒนธรรม 


     วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555  น้องๆเยาวชนชาวเวียดนาม จากวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู โชว์ผลงานอีกครั้งในโอกาสฉลองวัดประจำปีที่อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ จังหวัดอุดรธานี  ในการแสดงที่อนุรักษ์วัฒนธรรมการทำนาของชาวเวียดนาม  เวทีแห่งความสร้างสรรค์ และความสามัคคี ในกลุ่มเยาวชนที่มาทำงาน เรียนและเป็นอาสาสมัครช่วยงานของพระศาสนจักร  

เยาวชน


        ณ  มุมหนึ่งของเยาวชนบ้านแม่มารีย์  เป็นเรื่องปกติถ้ามีคนหลายๆคนเข้ามาอาศัยอยู่รวมกันมากกว่า 2 คน เราเรียกได้ทันทีว่าสังคมหรือยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสังคมนั้นพยายามที่จะให้เกิดเป็นสังคมของครอบครัว และจะไม่แปลกอะไรถ้าเราจะเรียกบ้านแม่มารีย์ว่า เป็นบ้านของครอบครัว แม้มิใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ว่าถ้ามาอยู่รวมกันแล้ว เราจะทำอย่างไร ให้ทุกคนที่อยู่ในบ้านกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ฉันและเธอ คงไม่มีชีวิตที่ต่างกันมากนัก ความต่างของเราอยู่ที่เธอมาจากไหน และชีวิตของเราแต่ละคนก็ดำเนินไปเหมือนคนปกติธรรมดา เพราะชีวิตของฉันพยายามที่จะถูกเติมเต็มที่บ้านครอบครัวเยาวชนหลังนี้ แต่เอ๊ะ ! จะมีอะไรดีนา หรือกิจกรรมอะไรหนอ ที่ฉันจะต้องพบเจอะเจอ และเมื่อฉันกลับจากโรงเรียนจะมีขนมไว้รอเราหรือเปล่า อ้าว! แต่ทุกๆวันก็มีอาหารว่างสำหรับเราแล้วนี่ คงไม่ต้องเรียกร้องอะไรมากมายนะ ขอให้ฉันทำตัวที่น่ารักเป็นลูกที่ดีของพ่อ แม่ก็ดีมากแล้วครับกะผม
       ทุกๆ วันหลังจากเลิกเรียน พวกเราเป็นลูกคุณหนู มีรถรับส่งทุกวัน ซึ่งมันต่างจากเด็กข้างนอกมากเราเรียกตัวเองว่า  เด็กประจำ  จะต้องมีกฎระเบียบของบ้านมีผู้นำด้วยว่างั้น มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะการออกแรงในการทำสวน ออกแรงเล่นกีฬา ออกแรงปีนรั้ว อ้าว! คนละเรื่องครับขออภัยด้วย จ๊าก เข้าเรื่องสักทีครับ หลังจากเลิกเรียนทุกคนต้องเดินเข้าไปสวัสดีเจ้าหน้าที่ ที่รอเรากลับมาบ้านด้วยความเป็นห่วง เราได้
ขนามนามท่านว่า พ่อ แม่ ตามบทบาทแต่ละคน พวกเรามีเงินเก็บด้วยนะครับ คนละถุงแต่เป็นถุงขนาดเล็ก ฝากวันละ 5 บาท 10 บาท หรือ 2 บาทขอให้มีเงินฝากก็แล้วกันเพราะเงินออมนี้ พวกเราจะใช้เวลาที่ไปเที่ยวซื้อของแบบส่วนตัวๆ ทุกอย่างต้องใช้อย่างประหยัดให้เห็นคุณค่าของเงินแต่ละบาทแต่ไม่ง๊กครับ ฝากเงินเสร็จเรียบร้อย ทานอาหารว่าง ใครมีการบ้านก็ทำทันที โดยมีคุณครูช่วยดูแลด้านการศึกษา ถ้าวันไหนมีเรื่องราวที่โรงเรียน ก็ต้องมาสารภาพกับคุณครูทันทีไม่งั้น ถ้าเรื่องมาถึงที่บ้านมีหวัง เจ็บตัว เจ็บใจ แถมโดนลงประชาทันฑ์ทั้งบ้าน แต่ทุกคนก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ในคำที่ว่า “ เอาตัวรอดเป็นยอดดี ” หากวันไหนไม่มีการบ้าน ทุกคนหยิบอุปกรณ์ลงสวน แล้วตามคุณครูมา .. จุดนี้เป็นของบอย ส่วนจุดนี้เป็นของชมพู่
 แล้วก็มอบหมายหน้าที่ให้เพื่อนๆรับผิดชอบ ใครทำเสร็จต้องรายงานถ้าผ่านไปเล่นได้ แหม .. สนุกไปอีกแบบเพราะพวกเราชอบทำเรื่องทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเล่นหมด คราวนี้หละ ใครทำงานไม่เสร็จไม่ได้ไปเล่นแน่ สุดท้าย เพื่อนช่วยเพื่อนก็เกิดขึ้น เราทำงานเสร็จเกือบจะพร้อมๆกัน เห็นถึงความสามัคคีจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราเก่งแต่เรื่องทำสวนเท่านั้นนะครับ แต่เรายังเก่งในด้านทำอาหาร เวอร์เป็นลูกมือครับ หยิบจับโน่นนี่ เตรียมไว้ให้แม่ๆทำอาหารให้ทาน อร่อยมากครับ วันหลังถ้าคุณผู้อ่านที่เคารพทุกท่านมีโอกาสเชิญมาเยี่ยมบ้านของเราได้ครับ มีหลายคนก็มาถามคืนละเท่าไหร่ คิดว่าเป็นรีสอร์ทหรือบังกะโล ก็เพราะบ้านของเราสวย ฉบับนี้ขอฝากภาพถ่ายกิจกรรมที่เราทำเป็นกิจวัตรประจำวันมาให้ดูให้เห็นและคิดถึงพวกผม  ขอบคุณ ท่านผู้อ่านทุกท่านที่อ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย และพบกับพวกเราได้ที่บ้านแม่มารีย์  สวัสดีครับ 


สื่อนำความรัก 01 July 2012