วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553
รายการคาทอลิกบอกเล่าเก้าสิบ โดย วัดอัครเทวดามีคาแอล
19 ธันวาคม 2553
วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553
รายการคาทอลิกบอกเล่าเก้าสิบ โดย วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล
วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553
รายการคาทอลิกบอกเ่ล่าเก้าิสิบ โดย วัีดอัครเทวดามีคาแอล
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553
เตรียมเสด็จพระคริสตเจ้า(สารวัดเดือนธันวาคม 2010)

สำหรับเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เรามีเวลาสี่สัปดาห์เพื่อเตรียมตัวเตรียมจิตใจไว้รับเสด็จองค์พระมหาไถ่ ความจริงแล้วพระคริสตเจ้ามิได้เสด็จมาเฉพาะในวันคริสตมาสเท่านั้น แต่พระองค์เสด็จมาหาเราทุกวัน ทุกเวลา ทุกโอกาส เพียงแต่ว่าเราไม่ได้รับรู้เท่านั้น ถ้าเรามีความเชื่อเราก็จะรู้ว่า พระองค์เสด็จมาหาเราเสมอๆ ทางพระวาจาทางพิธีกรรม โดยเฉพาะบูชามิสซาขอบพระคุณ ทางเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทางบุคคลทั้งหลายที่เราได้พบปะในชีวิตประจำวัน ฯลฯ เราจะต้องเตรียมจิตใจไว้ให้พร้อมที่จะต้อนรับพระองค์เสมอ ในการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเราอาจมองได้....2....ความหมาย 1. โลกและสรรพสิ่งจะต้องมีวันสิ้นสุดนั่นคือ “วันสิ้นโลก” และ พระเยซูคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งในวันนั้นในฐานะพระตุลาการ พิพากษามนุษยชาติ วันนั้นเป็นวันไหนเมื่อไรเราไม่ทราบ พระเยซูคริสตเจ้าบอกกับเราว่า “มีแต่พระบิดาผู้เดียวเท่านั้นทรงทราบ” เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวและจิตใจให้พร้อมอยู่เสมอ 2. วันสิ้นชีวิตของมนุษย์แต่ละคน ก็เป็นวันที่พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาด้วยและใครจะสิ้นใจเมื่อไรอย่างไรเราก็ ไม่ทราบเช่นเดียวกัน พระวาจาของพระเจ้าเตือนให้เราดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ ดังที่พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า “พวกท่านจงเตรียมพร้อมอยู่เสมอเพราะพวกท่านไม่รู้วันเวลา”
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า จึงไม่ใช่เทศกาลเตรียมสมโภชการบังเกิดมาของพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าเป็นครั้งที่ 2 ด้วยการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของ พระเยซูคริสตเจ้า จะไม่ใช่การบังเกิดมาทารกน้อยนอนในรางหญ้าอีกต่อไป แต่พระองค์จะเสด็จมาเป็นผู้พิพากษามนุษยชาติ ด้วยเหตุนี้เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า จึงไม่ใช่เพียงเทศกาลเตรียมการฉลองรื่นเริงในวันคริสต์มาสเท่านั้น แต่ตรงข้าม ต้องเป็นเทศกาลที่เราต้องจถ้าพบว่าอะไรดีเป็นสิ่งที่ส่งเสริมความเชื่อ ความศรัทธา ทำให้เราเป็นคนดีขึ้นก็ทำต่อไป และขอพลังจากพระเป็นเจ้าให้เราพัฒนาความเชื่อ ความศรัทธา ของเราให้เข้มแข็งมากขึ้นอยู่เสมอ ถ้าพบความบกพร่อง เราต้องเปิดใจรับความจริงและแก้ไข ลำพังตัวเราเองคงทำอะไรไม่ได้เราจึงต้องขอพลังจากพระเป็นเจ้าอีกเช่นกัน
ในโอกาสที่กำลังเข้าสู่บรรยากาศเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ ให้เราถามตัวเราเองว่า เราพร้อมหรือไม่ที่จะนำพระผู้ไถ่ไปสู่คนอื่น เราได้นำพระผู้ไถ่ไปสู่คนอื่นหรือยัง เราจะทำริงจังกับชีวิตมากขึ้น เปิดบัญชีชีวิตขึ้นอ่านทบทวน
จิตตารมณ์เยาวชน "อุทิศตนและเสียสละ"(สารวัดเดือนธันวาคม 2010)
เอ็นสะท้านรึเปล่า
ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญอย่างมาก สำหรับน้องๆ นักเรียนชั้น ม.6 ซึ่งหลายๆ คนกำลังตัดสินใจในการเลือกสถาบันอุดมศึกษาสักแห่งหนึ่งเพื่อศึกษาต่อในอีกระดับหนึ่งที่มีความยากง่ายกว่าระดับมัธยมศึกษา และทางวัดของเรามีเยาวชนที่อยู่ในเกณฑ์นี้ 4 คน คือ น้องเกด แตง เมย์ และแป้ สารวัดของเราจึงขอเป็นกำลังใจสำหรับน้องๆ เยาวชนของเราให้ได้เข้าศึกษาต่อในสถาบันที่น้องๆ ทั้ง 4 คนตั้งใจไว้ และขอคำภาวนาจากท่านผู้อ่านสารวัดทุกท่านเพื่อน้องเยาวชนวัดของเราด้วยน่ะครับ
รางวัลอันทรงเกียรติ
เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2553 มีกิจกรรมปิดปีพระวาจาเขตเมืองเลย ซึ่งวัดของเราสังกัดเขตเมืองเลย และในวันนั้นมีกิจกรรมหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งกิจกรรมในช่วงบ่ายนั้นเป็นการประกวดร้องเพลงหมอลำลูกทุ่งพระคัมภีร์ ซึ่งวัดของเรามีตัวแทนเยาวชน 2 คนเข้าประกวดในครั้งนี้คือ น้องรัตน์และ น้องกระถิน ซึ่งผลการประกวดร้องเพลงนั้นปรากฏว่าน้องทั้งสอง คนนั้นได้คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 มาครองได้อย่างภาค
ภูมิใจ ขอแสดงความยินดีกับน้องๆ ทั้งสองคนด้วย(แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหน้าม้ารึเปล่าที่ช่วยส่งเสียงกลบเสียงร้องที่อาจผิดคีย์บ้างหรืออาจจะเป็นเพราะว่าผู้เข้าประกวดมีแค่สามทีม 55+)
http://udondiocese.cbct.net/sarnwat/newsletterDecember2010.pdf
เล่าด้วยภาพ กิจกรรมบ้านนิจจานุเคาระห์ วันเอดส์โลก(สารวัดเดือนธันวาคม 2010)


เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2010 ที่ผ่านมา วัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภูได้จัดให้มีวจนพิธีกรรมสำหรับวันรณรงค์วันเอดส์โลก เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงเรื่องของโรคเอดส์และยังเป็นโอกาสที่เราจะได้คิดคำนึงถึงการปฎิบัติต่อกันและกัน พยายามสร้างความสัมพันธ์ ความใกล้ชิด การยอมรับซึ่งกันและกัน มากยิ่งขึ้น ในวจนพิธีกรรมนั้น เราได้มีตัวแทนของผู้ติดเชื้อ เขียนจดหมายถึงผู้ติดเชื้อ เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเขายังได้เขียนความรู้สึกลึกๆในใจที่อยากจะบอกทุกคนที่ไม่ได้ติดเชื้อ เมื่อทุกคนได้รับฟังเนื้อความในจดหมายนั้น ต่างรับรู้ถึงสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน หลังจากที่เราได้รับฟังจดหมายของผู้ติดเชื้อแล้ว เรายังมีจดหมายสำหรับผู้ที่ไม่ติดเชื้อได้เขียนให้กำลังใจสำหรับผู้ติดเชื้อ และฝากบอกกับทุกคนว่า การอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ เฮช ไอ วี ไม่ได้น่ากลัว หรือติดเชื้อโรคได้ง่าย อย่างที่หลายๆคนกลัวกัน
ในวจนพิธีกรรม เราทุกคนมีส่วนร่วมในการภาวนาสำหรับผู้ติดเชื้อ นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังค้นหาแนวทางในการรักษา หน่วยงานหรือองค์กร และทุกท่านที่ได้ช่วยเหลืองานในด้านผู้ติดเชื้อ หลังจากร่วมพิธีกรรมทางศาสนาเสร็จสิ้นแล้ว ทางวัดก็มีกิจกรรมการแจกของบริจาค เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง สำหรับผู้สูงอายุที่ยากจนในหมู่บ้านและกลุ่มผู้ติดเชื้อ บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าว การบริจาคครั้งนี้ มีผู้อุปการะชาวฮ่องกงจากมูลนิธิซันไซน์แอ๊คซั่น( Sunshine Action) ให้การสนับสนุน ในการนี้ชาวสหรัฐอเมริกา ได้ให้การบริจาคเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ สำหรับสำนักงานบ้านนิจจานุเคราะห์ บ้านแม่มารีย์ และรองเท้าสำหรับบ้านเด็กคุณแม่เทเรซา ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ หลังรับประทานอาหารเที่ยง ชาวฮ่องกง เดินทางเยี่ยมครอบครัวที่ยากจนและผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ที่ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์วันเอดส์โลก ประมาณ 200 คน จากหมู่บ้านนาลาดควาย กลุ่มผู้ติดเชื้อ และชุมชนวัดอัครเทวดามีคาแอล
http://udondiocese.cbct.net/sarnwat/newsletterDecember2010.pdf
ค้นพบธรรมฑูตแห่งขุนเขา(สารวัดเดือนธันวาคม 2010)






กิจกรรมวันรณรงค์ลดโลกร้อน(สารวัดเดือนธันวาคม 2010)
เมื่อวันจันทร์ ที่ 29 พ.ย. 53 คณะทีมงานวัดอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู และอาสาสมัครชาวฮ่องกงจากมูลนิธิซันไซน์แอ๊คซั่น(Sunshine action) ออกเดินทางมุ่งสู่โรงเรียนภูพานทอง อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เพื่อมอบต้นไม้ในกิจกรรมรณรงค์ลดโลกร้อน ตามจุดประสงค์ของผู้บริจาค คือ มิสเตอร์ซันนี่และอัลเฟรด์ ชาวฮ่องกง เมื่อมาถึงโรงเรียนก็ได้รับการต้อนรับจากผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู นักเรียน ชมการแสดงดนตรีโปงลาง และมอบต้นมะม่วง ต้นมะพร้าว สำหรับเด็กนักเรียนคนละ 2 ต้น เพื่อปลูกที่บ้าน ซึ่งเป็นกิจกรรมเสริมทักษะชีวิตสำหรับเด็ก และเป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่อง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การปลูกฝังค่านิยมที่ดีงาม เห็นคุณค่าในธรรมชาติ ที่ตนเองสร้างขึ้น คณะทีมงาน ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่โรงเรียน เพื่อเป็นที่ระลึก 16 ต้นและปลูกต้นไม้กับนักเรียนที่บ้าน กิจกรรมสุดท้ายสำหรับวันนี้คือ การเยี่ยมผู้สูงอายุที่ยากจนในหมู่บ้านภูพานทอง


http://udondiocese.cbct.net/sarnwat/newsletterDecember2010.pdf
สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส(สารวัดประจำเดือน ธ.ค.53)

สวัสดีพี่น้องคริสตชนและผู้อ่านที่รักทุกท่าน ปีพิธีกรรมเก่าได้ผ่านพ้นแล้ว และปีพิธีกรรมก็ได้เริ่มต้นด้วยเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้ากำลังจะก้าวเข้ามา มองดูแล้วชีวิตเรา เปรียบเสมือนเทศกาลแห่งการเตรียมตัวรับเสด็จพระคริสต์เจ้าที่ไม่มีวันสิ้นสุดซึ่งในช่วงเวลานี้ มีการรอคอยเพื่อที่จะพัฒนา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองและมีการค้นพบเพื่อที่จะบรรลุถึงเป้าหมายของตัวเอง การคาดหวัง การต่อสู้ ความหวาดกลัว และความสมหวัง ทุกสิ่งล้วนเป็นส่วนประกอบของประสบการณ์ชีวิตในเทศกาลเตรียมรับเสด็จนี้
โลกปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยความไม่สมดุลย์ ไร้ความยุติธรรม และความรัก แต่การเสด็จมาขององค์พระคริสต์เจ้า ที่จะเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา เป็นบุคคลที่ดำรงอยู่ในหมู่คณะเรา นั่นคือ เหตุผลที่ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตด้วยความหวัง เพราะว่าแสงสว่างนั้นจะทำลายความมืดมน ความหวาดกลัวและอคติต่างๆที่จะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตแห่งพระหรรษทาน
เทศกาลเตรียมรับเสด็จ เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเตรียมหนทาง แห่งชีวิตเพื่อที่จะต้อนรับพระองค์เข้ามาประทับอยู่ในตัวเรา เป็นค่ายอบรมสำหรับบุคคลที่ปรารถนา ความสันติ สำหรับตนเองและสำหรับโลกทั้งมวล ด้วยการรำพึงภาวนา เราสร้างจิตใจของเราให้เป็นที่เหมาะสมสำหรับการประสูติขององค์สันติราชา
ทุกๆวันในเทศกาลเตรียมรับเสด็จ เราสามารถพิจารณาไตร่ตรองชีวิตตัวเอง ด้วยการตั้งคำถามดังต่อไปนี้ ให้กับตัวเองว่าเรามีอคติ ต่อคนที่มาจากชนชาติ ศาสนา เพศที่ต่างจากเราหรือไม่ ? เรามีจิตใจที่ยังแข็งกระด้างต่อบุคคลที่ทำผิดต่อเรา และสามารถให้อภัยเขาได้หรือไม่? เราดูถูกคนที่มีฐานะหรือการศึกษาต่ำกว่าเราหรือไม่? เรามีจิตใจที่เปิดกว้างในการแบ่งปันพระพรที่เราได้รับจากพระเจ้าให้กับคนอื่นหรือไม่? เราให้เกียรติคนอื่นในด้านความคิดและความต้องการของเขาหรือไม่?คำถามเหล่านี้สามารถเป็นแสงสว่างนำทางเรา เพื่อเดินเข้าสู่หนทางที่ลึกและมืดมิดในจิตใจ ช่วยให้เราเผชิญหน้ากับตัวตนของเรา และทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในชีวิตเรา นี่แหละคือเป้าหมายของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าและเป้าหมายของชีวิตเราทุกคน
ขอพระเป็นเจ้าที่กำลังเสด็จมาถึง จงอวยพรพี่น้องทุกท่าน
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
จดหมายจากใจ ในรณรงค์วันเอดส์โลก - วันที่ 1 ธันวาคม 2010

สวัสดีค่ะ
สบายดีหรือเปล่าค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ อากาศเปลี่ยนแปลบ่อยๆ มีสองฤดูในวันเดียวกัน หนูก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับมรดกจากผู้ให้กำเนิด จากวันที่หนูลืมตาดูโลก มาถึง ณ วันนี้ 17 ปีแล้วค่ะที่หนูต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ เอฮ ไอ วี ในวัยเด็กหนูไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนู เมื่อหนูจำความได้ พ่อ แม่ หนูก็ตายจากหนูไปในเวลาไล่เรี่ยกัน หนูคิดแบบเด็กๆและโทษโชคชะตาชีวิตที่เล่นตลกกับหนูและครอบครัว มันช่างโหดร้ายเหลือเกินสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อ ทั้งแม่ ไปพร้อมๆกัน ต่อมาไม่นาน หนูเริ่มป่วยบ่อยและขาดเรียนบ่อย และมีตุ่มขึ้นตามแขน ขา หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูอีก หนูไม่มีเพื่อนเล่น ทุกคนพากันวิ่งหนีหนู หรือแม้แต่ญาติๆของหนู ก็แยกหนูออกจากครอบครัว หนูได้ยินคนเขาพูดว่า หนูเป็นเอดส์ ซึ่ง
ความที่หนูเป็นเด็ก หนูยอมรับว่ากลัวมาก ไม่กล้าแม้แต่จะออกจากที่ที่หนูอยู่ ไปเรียนหนังสือก็ไม่กล้าไป หนูถูกมองเหมือนตัวประหลาด ในความคิดตอนนั้นหนูรู้สึกว่าตัวเอง ไร้ค่าต่ำต้อย ชีวิตขาดวิ่นมองไม่เห็นทางรอด หนูท้อแท้สิ้นหวัง แต่แล้วหนูก็พบกับความโชคดี เมื่อพระเจ้าทรงเมตตา ส่งคนมา พาหนูไปรักษา ในวันนั้นหนูยังจำได้ดีว่า หนูนอนป่วยไม่มีแม้แต่แรงที่จะหายใจ แต่แล้วสิ่งที่หนูไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อคุณครูที่โรงเรียน และพี่ๆแกนนำมาเยี่ยมหนูที่บ้าน และอุ้มหนูขึ้นรถพาไปโรงพยาบาล หนูได้รับการดูแลรักษาด้วยความเอาใจใส่จากคุณหมอและคุณพยาบาลเป็นอย่างดี จนหนูอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ หนูมีสุขภาพแข็งแรงดีเหมือนคนปกติทั่วไป
เดี๋ยวนี้หนูไม่ได้เป็นผู้ป่วยเอดส์แล้วค่ะ หนูแค่เป็นผู้ที่มีเชื้อ เฮช ไอ วี ในร่างกายเท่านั้นค่ะ หลายๆคน ยังคงไม่เข้าใจ คำนิยามของโรคเอดส์ กับ เฮช ไอ วี คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ไปทำลายภูมิต้านทานของร่างกาย แต่ถ้าเราดูแลร่างกายสุขภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เราก็อยู่ได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เหมือนคนปกติที่ไม่เจ็บป่วย หนูอยากบอกว่าในอดีตที่ผ่านมา หนูมีชีวิตที่เจ็บปวดสิ้นหวัง ท้อแท้ แต่ ณ วันนี้ หนูมีความสุขมาก เพราะหนูได้เปิดใจยอมรับการเรียนรู้ และความเปลี่ยนแปลงของชีวิต หนูเรียนรู้ที่จะอยู่กับ เฮช ไอ วี อย่างมีความสุข หนูค้นพบความจริงที่ว่า “ ชีวิตมีคุณค่า ” มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันทุกวันนี้ หนูมีอนาคตที่ดี หนูได้เรียนหนังสือ ตามความฝันของหนู ครอบครัวญาติพี่น้องหนู เข้าใจหนู ไม่รังเกียจและเป็นกำลังใจให้หนูสู้อีกครั้ง
สำหรับหนูไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน หนูก็คือ ผู้ติดเชื้อ เฮช ไอ วี สุดท้ายที่หนูอยากบอกและอยากขอ คือ “ ขอโอกาสให้หนูและเด็ก ติดเชื้อ เฮช ไอ วี ได้มีโอกาสเติบโตในสังคม ชุมชน อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกับเด็กปกติด้วยเถอะค่ะ อย่าให้พวกหนูต้องโตเหมือนต้นไม้ที่จำเป็นต้องโตเลย ค่ะ ”

ถึง ผู้ติดเชื้อ เฮช ไอ วี
สวัสดีเพื่อนๆ ที่ติดเชื้อเฮช ไอ วี ฉันอยากจะเขียนจดหมายให้กำลังใจในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมโลกกัน ฉันอยากจะบอกว่า ถึงแม้ว่าตัวเธอเอง จะติดเชื้อเฮช ไอ วี ก็ไม่เป็นไร เธอก็สามารถดำรงชีวิตเหมือนกับบุคคลทั่วไปได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องไปกังวลว่าเราติดเชื้อเฮช ไอ วี จงอยู่กับมันและคิดว่ามันเป็นเพื่อนของเรา และเราก็จะมีความสุข เธอจงรู้ไว้ว่า ถึงจะติดเชื้อเฮช ไอ วี แต่ก็มีสิทธิต่างๆเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป การที่เธอติดเชื้อเฮช ไอ วี นั้นจะทำให้เธอมีโรคฉวยโอกาสต่างๆ ที่จะทำให้เธอมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลงไป เธอจะต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี หมั่นออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานยาตรงต่อเวลา จะได้ไม่เกิดอาการดื้อยา และที่สำคัญ คือ เธอจะต้องนอนหลับพักผ่อนให้มากๆ ทำจิตใจให้แจ่มใส ชื่นบาน และเธอจงรู้ไว้ว่า ถึงจะมีใครบางคนที่รังเกียจเธอ แต่เธอก็ยังมีฉันอยู่เคียงข้างเสมอ

ถึง ผู้อ่านทุกท่าน ที่ติดเชื้อ HIV และที่ไม่ติดเชี้อ
ผมเองก็อยู่ในกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อ ในส่วนตัวของผมแล้ว ผมเคยสิ้นหวังในชีวิตที่ผิดพลาด ความหวังที่จะหายจากโรคร้ายคงไม่มี เคยคิดแต่เพียงว่าสักวันหนึ่ง เราก็คงจะตาย แต่พอมาคิดในอีกมุมหนึ่งว่า ก่อนที่เราจะตายทําไมไม่ทำสิงที่ดีๆ ใว้ก่อน ผมเลยคิดที่จะสู้ต่อไปอีก ไม่กลัวว่าใครเขาจะรังเกลียด ใครจะมองอย่างไรก็ช่าง เราอยู่ของเราได้ โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี ที่จริงแล้วโรคที่เราเป็นอยู่ มันก็ไม่ต่างจากโรคอื่นๆที่หลายคนเป็นอยู่ เพียงแต่คนให้ความสำคัญมากเกินไป ที่ว่าใครเป็นแล้วก็ตายไม่มียารักษา แล้วโรคอื่นที่เป็นแล้วตายเร็วกว่าโรคเอดส์ก็มีมาก อย่างเช่นมะเร็ง ผมเลยอยากให้ผู้ที่ติดเชื้อ จงเข้มแข็งและสู้ต่อไปสักวันหนึ่ง เราต้องมียารักษาให้หายได้
และผมอยากวอนขอ ผู้ที่ไม่ติดเชื้อช่วยโปรดเห็นใจ และเข้าใจในความรู้สึกของเราอย่ามองเราด้วยความรังเกลีด อย่ากลัวเราเพราะพวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนท่าน ในโลกนี้ ไม่มีใครที่อยากจะติดเชื้อนี้หรอก และมันก็ไม่ใช่ว่าจะติดกันได้โดยง่าย ทุกคนที่เขาติดเชื้อจะมีแต่ความเหงา ความอ้างว้างเหมืนอยู่ในโลกเพียงลำพัง ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนถูกตัดออกจากโลก ภายนอกแม้แต่ญาติพี่น้อง ก็ไม่อยากอยู่ไกล้ หากเราแก้ไขอดีตได้เราก็คงไม่เป็นโรคนี้ คงไม่มีใคร อยากอยู่คนเดียวในโลก อย่างไร้ความหมายและไร้ความรักได้โปรดทุกท่านจงเข้าใจเราด้วยเถิด
สุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกท่านจงโชคดีและหายจากโรคภัยทุกประการด้วยเถิด
ด้วยความนับถือ
จากเรา…

ฉันเป็นคนหนึ่งที่โอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเชื้อ แต่ก่อนนี้ ฉันก็มีคิดเหมือนคนอื่นๆทั่วไป ที่มีความเชื่อที่ผิดๆเกี่ยวกับโรคเอดส์ แต่ตอนนี้อยากจะบอกกับทุกคนว่า ความคิดของฉันได้เปลี่ยนไป เมื่อได้มารู้จักและสัมผัสกับกลุ่มผู้ติดเชื้อจริงๆ
ปัจจุบันสังคมไทยยังมีทัศนคติตลอดจนความเข้าใจเกี่ยวกับการติดเชื้อเอชวีและ โรคเอดส์ไม่ดีนัก โดยคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าหากเป็นเอดส์แล้วต้องเสียชีวิต แต่ในความคิดของฉัน ฉันคิดว่าผู้ติดเชื้อก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไป เพียงแต่ผู้ป่วยติดเชื้อนี้ต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิตมากกว่าเราทั่วไป คนปกติธรรมดาอย่างเรานี้แหละ ที่ได้ตัดโอกาสทางสังคมของผู้ติดเชื้อ ไม่คบค้าสมาคม รวมไปถึงการไม่ให้เกียรติและดูถูกผู้ติดเชื้อ ทั้งๆที่ สิ่งที่เราช่วยเหลือเขาได้ในตอนนี้คือความเข้าใจและกำลังใจ เพราะโรคเอดส์ไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย เพียงเพราะการพูดคุย สัมผัสตัว หรือใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะกลัวเลย ที่ต้องใช้ชีวิตในสังคมร่วมกับผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อจะเจ็บป่วยบ่อย เสียเงินค่ารักษามาก ทำให้เสียกำลังใจท้อแท้ คนในครอบครัว และสังคมรอบข้าง รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ควรให้ความเห็นใจ ให้กำลังใจผู้ป่วยเอดส์ ไม่ให้มีความวิตกกังวลมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ภูมิต้านทานต่ำลงไปอีก และการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น การสร้างความเข้าใจกับผู้ติดเชื้อ จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับสถานการณ์ที่ประสบอยู่ เนื่องจากรับรู้ว่ายังมีคนเข้าใจ และไม่รังเกียจในการที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปลอดภัย
สุดท้ายนี้อยากจะฝากทุกๆคน เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับโรคเอดส์ คือ ถ้าไม่ได้สัมผัสผ่านทางเลือดโดยตรง ก็มีโอกาสติดเชื้อได้น้อยมาก อยากให้ทุกคนร่วมเป็นกำลังใจให้กับผู้ติดเชื้อด้วย

ถึง เพื่อนที่มีหัวใจที่เข้มแข็งต่อสู้กับโรคร้าย
ก่อนอื่นก็ขอกล่าวคำว่า สวัสดีค่ะ หนูมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงเพื่อนที่มีหัวใจเข้มแข็งต่อสู้กับโรคร้าย เมื่อใครๆที่ได้ยินคำว่า “โรคร้าย” ต่างก็รู้สึกไม่ดีแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่าเพื่อนๆที่มีหัวใจที่เข้มแข็งต่อสู้กับโรคร้ายนี้ยังมีหัวใจที่เข้มแข็งและต่อสู้กับมันได้ด้วยใจที่เข้มแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ หนูขอกล่าวคำว่า เพื่อนๆสุดยอดไปเลยค่ะที่มีจิตใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมีหัวใจที่ปราศจากคำว่า “ย่อท้อและอ่อนแอ” เพราะตัวหนูเองบ่อยครั้งนักที่อ่อนแอต่ออุปสรรค แต่เพื่อนๆนับว่าเป็นวีรบุรุษในดวงใจของหนูเลยค่ะ
เมื่อครั้งที่ยังไม่รู้จักว่าโรคร้ายคืออะไร ในความคิดของหนูคิดว่าคงเป็นโรคที่ร้ายแรงมากถ้าใครเป็นก็คงไม่รอดแน่นอนและคงจะน่ากลัวมาก แต่เมื่อหนูได้มีโอกาสได้มาสัมผัสกับเพื่อนๆที่เป็นโรคร้ายก็ทำให้ความคิดในอดีตนั้นหายไป เพราะโรคร้ายนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่หนูคิดเลยแต่เพื่อนๆยังมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เพื่อนๆยังมีหัวใจที่เข้มแข็งพร้อมที่จะก้าวและโน้มตัวออกไปเผชิญกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในสังคม เพื่อนๆสามารถกระทำทุกอย่างได้เหมือนกับทุกๆคนในสังคม สามารถประกอบอาชีพ สามารถเป็นคนดีของสังคม สามารถบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติและมีอีกหลายๆอย่างที่เพื่อนๆสามารถทำได้อย่างไม่มีขอบเขต ตราบใดที่เพื่อนๆยังมีลมหายใจ เพื่อนๆก็ยังเป็นบุคคลที่สำคัญของสังคมและประเทศชาติ เพราะชีวิตของเรายังมีค่าต่อทุกคน ในบางครั้งเพื่อนๆอาจจะคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีค่า ถ้าบางครั้งที่เพื่อนๆคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีค่า ไม่จริงหรอกค่ะ เพราะเพื่อนๆยังมีลมหายใจ เพื่อนๆก็ยังมีความสำคัญต่อใครหลายคน
สุดท้ายนี้จะร้อนหรือจะเหน็บหนาว หนูขอสัญญาว่าหนูจะเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆและจะสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระบิดาเจ้าให้เสมอๆค่ะ

รณรงค์วันเอดส์โลก - วันที่ 1 ธันวาคม 2010

เมื่อแสงสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าถูกจุดขึ้น เราไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความโดดเดี่ยว แต่เราดำเนินชีวิตอยู่ในความหวัง ความหวังปล่อยให้เราไม่ต้องทำนายเรื่องอนาคต แต่ปล่อยให้เราสามารถอยู่ในปัจจุบัน ด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า แสงสว่างนี้ ช่วยทำลายกำแพงอคติที่ไม่ดี ทำให้เรากล้าที่จะใกล้ชิด ช่วยเหลือกันและกัน เป็นพี่น้อง ที่มีความผูกพันด้วยความรัก ของพระเจ้า เราเห็นความเป็นมนุษย์ในกันและกัน เราแบ่งปันความหวังให้กันและกัน
ใน วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ทั่วโลกจะพากันรณรงค์วันเอดส์โลก ในวันนี้ ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ที่เราทุกคน จะได้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ต่อกันและกัน ทุกคนที่อยู่ในโลกนี้ มีสภาพชีวิต ฐานะที่แตกต่างกัน ในสภาพของความต่างกันนี้ ก็มีคนที่ติดเชื้อ เฮช ไอ วี ซึ่งเป็นโรคที่หลายคนยังขาดความรู้ หรือความเข้าใจอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดการแบ่งแยก ความหวาดกลัว ระแวง ไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลเหล่านี้ วันรณรงค์ โรคเอดส์ นอกจากจะเป็นวันที่พยายามกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องของโรคเอดส์แล้ว ก็ยังเป็นโอกาสที่เราจะได้คิดคำนึงถึงการปฎิบัติต่อกันและกัน พยายามสร้างความสัมพันธ์ ความใกล้ชิด การยอมรับซึ่งกันและกัน มากยิ่งขึ้น และเราจะ ภาวนาเพื่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดเชื้อโดยตรง หน่วยงานหรือองค์กร นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังค้นหาแนวทางในการรักษา และทุกท่านที่ได้ช่วยเหลืองานในด้านผู้ติดเชื้อนี้
1. เพื่อพระศาสนจักรของพระเจ้าทั่วโลก จะได้รับการฟื้นฟูจิตใจที่จะประกาศความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ถูกสังคมรังเกียจ ให้เราภาวนา
2. เพื่อคนในชุมชน จะได้เปิดใจรับ มีทัศนคติที่ดีและถูกต้องต่อพี่น้องที่ติดเชื้อ ขอให้พวกเขาได้ทำลายกำแพง อคติ ที่ไม่ดีนั้น ให้สูญสิ้นไป ตรงกันข้าม โปรดให้เขาได้มีจิตใจที่อ่อนโยน และยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เห็นอกเห็นใจ และยินดี ที่จะช่วยเหลือ ให้เราภาวนา
3. เพื่อผู้ที่ทำงานในองค์กร หน่วยงานที่ส่งเสริม ช่วยเหลือในกลุ่มของผู้ติดเชื้อ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ จะได้มีกำลังใจในการดำเนินพันธกิจแห่งความรักนี้ ในสังคมตลอดไป ให้เราภาวนา
4. เพื่อสังคมในปัจจุบันได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วย โรคเอดส์ ให้มีความระมัดระวังในการป้องกัน ที่จะไม่เพิ่มผู้ติดเชื้อมากขึ้นและเพื่อผู้ที่ป่วยด้วยนี้ จะได้รับการบรรเทาและกำลังใจจากคนรอบข้าง ให้เราภาวนา
5. เพื่อผู้ที่สิ้นใจ ด้วยโรคเดส์นี้ จะได้รับการพักผ่อนและได้รับพระเมตตาจากองค์พระบิดาเจ้า ให้เราภาวนา
ขอ พระบิดาเจ้าผู้ทรงสถิตทั่วสากลจักรวาล ขอพระองค์ทรงสดับฟังคำทูลขอ ทั้งนี้ด้วยความเชื่อและไว้วางใจ ในพระเป็นเจ้าองค์แห่งความรัก และเพื่ออาณาจักรแห่งสันติของพระองค์จะได้สำเร็จไปในแผ่นดินเหมือนดังใน สวรรค์ และคริสตชนจะได้เป็นประจักษ์พยาน มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความเอื้ออาทรต่อกัน และความรักอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตร ผู้ทรงจำเริญและครองราชย์ เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวกับพระองค์ และพระจิต ตลอดนิรันดร
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
รื้อฟื้นคำสอนคาทอลิก

แบ่งออกเป็นศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มชีวิตคริสตชน(ศีลล้างบาป ศีลกำลัง ศีลมหาสนิท) ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการเยียวยารักษา(ศีลอภัยบาปและศีลเจิมผู้ป่วย) และศีลศักดิ์สิทธิ์เพื่อการรับใช้ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และการแพร่ธรรม(ศีลบวชและศีลสมรส)ศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดประการต่างก็สัมผัสช่วงเวลาที่สำคัญๆ "อันเป็นจุดหมายปลายทางเฉพาะ"(นักบุญโทมัส อไควนัส)
รายการวิทยุคาทอลิกบอกเล่าเก้าสิบ โดยวัดอัครเทวดามีคาแอล
วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ครั้งแรก ของ การเข้าเงียบ เจ้าหน้าที่บ้านพักร่วมใจ

บรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ อยู่ชานเมือง หนองบัวลำภู ท่ามกลางหุบเขา ที่เราเรียกว่า บ้านพักร่วมใจ เป็นสถานที่สำหรับการเข้าเงียบ จัดกิจกรรมของวัดอัครเทวดามีคาแอล การเข้าค่ายต่างๆ และงานด้านสังคมสงเคราะห์
เจ้าหน้าที่บ้านพักใจ (หน่วยงานคาทอลิกเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่นและผู้ถูกคุมขัง - สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย) จำนวน 9 ท่าน จากจังหวัดหนองคาย / อุดร / เลย ออกเดินทางมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน คือ บ้านพักร่วมใจ เพื่อมาเข้าเงียบ เจ้าหน้าที่แต่ละคน ไม่ทราบและไม่เข้าใจถึงความหมายของการเข้าเงียบ ทุกคนนับถือศาสนาพุทธ เคยได้ยินแต่พระสงฆ์และนักบวช ที่ต้องไปเข้าเงียบ แต่ทำไมเราจึงต้องเข้าเงียบด้วย การเข้าเงียบมีความหมายอะไรสำหรับคริสตชน นี่เป็นคำถามที่เจ้าหน้าที่บางท่านตั้งคำถามไว้ ก่อนที่จะออกเดินทาง การเข้าเงียบครั้งนี้ โดยการนำของคุณพ่อแอนโทนี่ เลดึ๊ก คณะSVD คุณพ่อประสงค์ วงษ์วิบูลย์สิน คณะ OMI

คุณพ่อแอนโทนี่ กล่าวต้อนรับ เจ้าหน้าที่บ้านพักใจ และได้อธิบายความหมายของการเข้าเงียบ จุดประสงค์สำคัญของการเข้าเงียบครั้ง นี้ คือ การมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ปล่อยวางภาระหน้าที่ต่างๆไว้กับพระเจ้า มีเวลาอยู่กับตัวเอง และพยายามรักษาความเงียบอย่างเคร่งครัด ขอให้ใช้เวลา 1 วันอย่างมีค่าที่สุด หลังจากที่ทราบข้อปฏิบัติแล้ว ก็เป็นพิธีเปิดการเข้าเงียบ คุณพ่อแอนโทนี่ ใช้ก้อนหิน ก้อนเล็ก เป็นสัญลักษณ์ของภาระหน้าที่ต่างๆ ที่เราจะวางไว้ในอ่างน้ำของพระเจ้า ที่แวดล้อมไปด้วยแสงสว่างที่จะนำทางเรา เริ่มด้วยการ อ่านหนังสือปัญญาจาร์ย “ ทุกสิ่ง ล้วนอนิจจัง มีเวลาสำหรับทุกอย่าง ” เมื่อทุกคนได้ปล่อยวาง ภาระหน้าที่นั้นแล้ว คุณพ่อประสงค์ กล่าวเปิดการเข้าเงียบ

การเข้าเงียบ ก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ตามตารางของการเข้าเงียบ และสำเร็จลงในเวลา 15.30 น. ก่อนที่จะจบ คุณพ่อ ได้ฝากภาคปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่ทุกคนได้สัมผัส ถึงการเป็นผู้รับใช้ ของทุกคน ด้วยความรัก เยี่ยงพระเยซูเจ้า ที่ได้ทรงเป็นแบบอย่างให้กับเรา คุณพ่อประสงค์ อ่านบทพระวรสาร เกี่ยวกับงานเลี้ยงครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้า ที่พระองค์ทรงล้างเท้าอัครสาวก นี่แหละ คือ ภาคปฏิบัติที่พระองค์ทรงกระทำไว้เป็นแบบอย่าง คุณพ่อประสงค์ เริ่มล้างเท้าให้กับเจ้าหน้าที่ คนที่ 1 / คนที่ 1 ก็ล้างเท้าให้คนที่ 2 ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย นำความซาบซึ้ง ความประทับใจ และรอยน้ำตาที่ไม่อาจลืมภาพความทรงจำนี้ได้ เจ้าหน้าที่บ้านพักใจ บอกเราว่า ในโอกาสหน้า พวกเขาก็ปรารถนาที่จะเข้าเงียบดีๆ อย่างนี้ต่อไป
วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ขอเชิญร่วมสวดสายประคำประจำเดือน

ขอเชิญพี่น้องทุกท่าน ร่วมสวดสายประคำประจำเดือนพฤศจิกายน
ณ บ้านพักร่วมใจ
วัน เสาร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2553
เวลา 18.00 น.
สมโภชนักบุญทั้งหลายและระลึกถึงผู้ล่วงลับ
เดือนพฤศจิกายนของทุกปี ตามธรรมเนียมของคาทอลิก จะระลึกถึงดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ความกตัญญูกตเวทีของลูกหลาน ที่พึงปฎิบัติต่อบรรพบุรุษของตนเอง โดยการอุทิศคำภาวนาและขอมิสซาบูชาฯ แด่ดวงวิญญาณของท่าน
ก่อนที่จะระลึกถึงผู้ล่วงลับ ในวันที่ 1 พ.ย.ของทุกปีพระ-ศาสนจักรทำการสมโภชนักบุญทั้งหลาย ท่านผู้อ่านคงจะสงสัยว่า ทำไมเราจึงต้องฉลองบรรดานักบุญทั้งหลาย? เพราะตลอดปีเราก็มีการฉลองนักบุญอยู่แล้ว แต่ทำไมพระศาสนจักรจึงต้องให้มีวันฉลองบรรดานักบุญทั้งหลาย อีก 1 วัน เราลองค้นหาคำตอบและศึกษาไปด้วยกันซึ่งอาจมีเหตุผลสำคัญ2ประการคือ
1. เคียงคู่ไปกับการฉลองนักบุญที่เรามีบันทึกไว้ในแต่ละปี เรายังมีบรรดานักบุญชาย หญิงอีกจำนวนมาก บรรดามรณสักขี ชาย หญิง เด็กๆ ที่ร่วมอยู่กับพระสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์ ซึ่งเราไม่ได้ทำการฉลองให้กับท่านเหล่านั้น หลายท่านเป็นพ่อแม่ของเรา ปู่ย่าตายาย ซึ่งเป็นวีรบุรุษชายหญิงแห่งความเชื่อ วันนี้เราจึงให้เกียรติต่อท่านด้วยการระลึกถึงท่าน
2. การฉลองนี้ทำให้เรามองดูเป้าหมายแห่งชีวิตนิรันดรของเราแต่ละคน ท่านนักบุญที่เราฉลองนี้ เป็นมนุษย์ชายหญิงเหมือนๆ กับเรา เป็นเหมือนกับที่เราเป็นนี่แหละ และพวกท่านก็ได้อยู่ในที่ที่เราได้วาดหวังเอาไว้ สักวันหนึ่ง ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน เรารู้ว่า ชีวิตของเรานั้น ไม่ได้เริ่มต้นตอนนี้เรามีชีวิต และจบลงเมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้วเท่านั้น แต่ชีวิตของเรา เกิดขึ้นก่อนที่เราจะเกิด และต่อเนื่องไปจนเราตายและไปสู่ชีวิตนิรันดร
วันนี้เราทุกคนได้รับเชิญให้เดินในหนทางของท่านนักบุญทั้งหลาย หนทางของความสุขแท้หนทางที่เป็นทางแคบๆและยาก-ลำบาก เราจึงจำเป็นต้องมีความเชื่อและความกล้าหาญที่จะเดินผ่านไปให้ได้ ตัวอย่างของบรรดานักบุญและคำภาวนา เป็นกำลังใจให้เราก้าวหน้าต่อไป
ความศักดิ์สิทธิ์นี้มิใช่เกิดจากความพยายามของมนุษย์ที่พยา-ยามจะบรรลุถึงพระเจ้า โดยอาศัยกำลังของตนเอง แม้จะประกอบกิจกรรมขั้นวีรกรรมก็ตาม แต่ว่าความศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นของประทานของพระเจ้าที่ให้เปล่า นอกนั้นยังเป็นการตอบสนองของมนุษย์ต่อการเริ่มต้นอันนี้ของพระเจ้าอีกด้วย
พระศาสนจักรถือว่า บรรดาผู้ล่วงลับกับผู้มีชีวิตนี้ มีความผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยอาศัยคำภาวนา และการร่วมบูชามิสซา ผู้ล่วงลับมิใช่ผู้ที่จากไป อยู่อีกทีหนึ่ง หรืออีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่สามารถติดต่อสัมพันธ์กันได้ แต่ ผู้ล่วงลับ คือ ผู้ที่ออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระ และสักวันหนึ่งภายหน้าก็จะกลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูคริสตเจ้า
การที่พระศาสนจักรกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนระลึกถึงผู้ล่วงลับนั้น เพราะเรามีความเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ เมื่อถึงวันที่ร่างกายจบสิ้น(ตาย) แต่วิญญาณนั้นคงอยู่ วิญญาณจะรับผลของร่างกายที่เป็นผู้กระทำ ไม่ว่าจะเป็นผลของความดีหรือความชั่ว แน่นอนมนุษย์ทุกคนมีทั้งความดีและความผิดบก-พร่องด้วยกันทุกคนโดยความเชื่อของเราซึ่งเป็นคาทอลิก เราเชื่อว่าผู้ที่ตายไปแล้วจะได้ไปพบกับพระเป็นเจ้า แต่บุคคลที่จะพบกับพระเป็นเจ้าได้นั้น ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งขณะเดียวกันเราก็เชื่อว่าในความเป็นมนุษย์ที่มีความอ่อนแอ คงไม่มีใครสามารถชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ได้ทั้งหมด ดังนั้น ผู้ที่ล่วงลับไปในขณะที่ยังมีมลทินของบาป บาปเบา เศษของบาป หรือยังไม่บริสุทธิ์พอที่จะได้ไปพบพระเป็นเจ้า พวกเขาเหล่านั้น ยังต้องใช้โทษของตน อยู่ในที่แห่งหนึ่ง ที่เรียกว่าไฟชำระ และในไฟชำระนี้ เขาจะได้รับการทดลองอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะช้านานแล้ว แต่สภาพของวิญญาณของเขา เมื่อผ่านพ้นช่วงนั้นไปแล้ว พวกเขาจะได้เข้าสู่สวรรค์ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนที่มีชีวิตทุกคนที่จะสวดภาวนาให้กับผู้ล่วงลับที่อยู่ในไฟชำระ เพื่อวอนขอพระเป็นเจ้าทรงมีพระเมตตา อภัยโทษ ความผิดบาปต่าง ๆ ให้กับเขา เพื่อเขาจะได้รับชีวิตนิรันดร ร่วมสุขกับพระองค์ในสวรรค์ เพราะผู้ล่วงลับเหล่านั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากความผิดบาปที่กระทำได้ มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะสามารถช่วยพวกเขาได้ และหน้าที่ของการภาวนาและขอมิสซาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับนั้น ยังเป็นเรื่องของความยุติธรรม และความกตัญญูกตเวทีของเราทุก ๆ คนอีกด้วย เพราะผู้ล่วงลับเหล่านั้น อาจเป็นบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ครูบาอาจารย์ นักบวชชาย หญิง พระสงฆ์ พระสังฆราช หรือมิตรสหายของเรา ฯลฯ ซึ่งมีส่วนผูกผัน และเคยเกี่ยวข้องกับเรามาไม่มากก็น้อยในอดีตที่ผ่านมา
ขอฝาก...ข้อคิด... เป็นโอกาสดีที่พวกเราทุกคนจะร่วมกันสวดภาวนาและขอมิสซาให้กับบรรดาผู้ล่วงลับ ทั้งหลาย ญาติพี่น้อง และผู้ที่ไม่มีใครคิดถึง เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่อยู่ในสถานะที่จะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากความผิดบาปได้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถช่วย-เหลือพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเราทุกคนควรจะระลึกถึง บรรดาผู้ล่วงลับ หรือญาติพี่น้องที่จาก มิใช่เฉพาะแต่เดือนผู้ตายเท่านั้น แต่ควรระลึกทุก ๆ วัน เพื่อพวกเขาจะได้ ไปอยู่กับพระเป็นเจ้าโดยเร็ววันและเมื่อพวกเขาได้รับชีวิตนิรันดรในสวรรค์แล้วพวกเขาก็จะไม่ลืมที่จะสวดภาวนา ให้พวกเราเช่นกัน