วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ขอร่วมโมทนาพระคุณพระเจ้า


ขอร่วมโมทนาพระคุณพระเ้จ้า โอกาสครบรอบ 4 ปีแห่งการรักและรับใช้พระและเพื่อนมนุษย์ภายใต้ฐานันดรสงฆ์ ของคุณพ่อแอนโทนี่ เลดึ๊ก เจ้าอาวาสวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล ในโอกาสพิเศษนี้พวกเราสัตบุรุษวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู ขอร่วมเป็นกำลังให้คุณพ่อในการปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างดีอย่างครบถ้วน และขอพระเป็นเจ้าอวยพรคุณพ่อให้มีสุขภาพกายใจที่แข็งแรงสมบูรณ์


สัตบุรุษวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภุ
27 พฤษภาคม 2553

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

“ชายที่เมื่อก่อนทุกคนต่างขนานนามว่าเศรษฐีบุญส่ง แต่กลายกลับมาเป็นเพียงตาแก่บุญส่ง”

โดย เทวราช ไทยลำภู
26 พฤภาคม 2553


คำถามผุดขึ้นในสมองของผมเสมอตลอดระยะเวลาที่ผมกำลังดำเนินชีวิตในช่วงวัยรุ่นเพื่อค้นหาสัจจะธรรมของชีวิต “สิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์” ความพยายามในการค้นหาซึ่งคำตอบจากคำถามนั้นมันต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน หนึ่งปี สิบปี หรือว่าทั้งชีวิตของผมเอง

เมื่อนานมานี้ผมได้พบกับคุณตาท่านหนึ่งโดยการเข้าร่วมกิจกรรมเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุของวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู ท่านเป็นคนที่มีอัธยาสัยดีกับทุกคนที่แวะเวียนมาเยี่ยมท่าน ทุกคนในระแวกนั้นเรียกท่านว่า ”ตู้ส่ง” ท่านอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ เพื่อเป็นที่สำหรับเอนกายลงนอนในเวลาที่ร่างกายเกิดความเหนื่อยอ่อนของวัย 76 ปี แต่น่าแปลกว่าทำไมตาบุญถึงมาอยู่ที่กระท่อมเล็กๆ ซึ่งทรุดโทรมหลังนี้ ลูกเต้าเหล่ากอ ญาติพี่น้องของแกอยู่ที่ไหนเล่าถึงปล่อยให้ชายในวัยชราภาพเช่นนี้ไร้ซึ่งผู้ดูแลและถูกทิ้งไว้แต่เพียงลำพัง

ผมจะพบกับคุณตาบุญทุกวันอาทิตย์ซึ่งผมจะขับรถมอเตอร์ไซด์ไปรับแกมาร่วมมิสซาและในโอกาสที่เยาวนของวัดไปเยี่ยมผู้สูงอายุผมก็จะได้พบและพูดคุยกับกับคุณตาท่านนี้ สิ่งหนึ่งทำให้ผมสนใจประวัติของคุณตาผู้นี้ก็คือ เมื่อก่อนคุณตาคนนี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดาแต่เป็นเศรษฐีแห่งเมืองหนองบัวลำภู มีหน้ามีตาในสังคมและมีที่ดินหลายร้อยไร่ “ทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่ตาหามาได้ก็หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตาเอง” คุณตากล่าว คำกล่าวนี้ของคุณตาบุญทำให้ผมรู้โดยทันทีว่าคุณตาบุญส่งเป็นบุคคลอย่างไร แต่แล้วเพราะเหตุผลประการใดเล่า “ชายที่เมื่อก่อนทุกคนต่างขนานนามว่าเศรษฐีบุญส่ง แต่กลายกลับมาเป็นเพียงตาแก่บุญส่ง” ด้วยความสงสัยนี้ผมจึงอดไม่ได้ที่อยากจะรู้ว่าเหตุผลที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตของชายชราผู้ผู้นี้คืออะไร คำตอบของแกนั้นจะคล้ายกับสิ่งที่ผมคิดหรือจะผิดแปลกออกไป ผมก็ยังไม่ทราบชัดเจนจนกว่าคำตอบนั้นจะออกมาจากปากของชายชราผู้นี้

ในที่สุดคำตอบที่ผมได้รับช่างผิดเพี้ยนไปจากความคิดของผมอย่างมากแม้แต่คุณตาเองก็บอกผมว่า “ตาก็ไม่คิดฝันเหมือนกันว่าจะเป็นเช่นนั้น” คำตอบที่ผมได้รับมันช่างทำให้ผมสะเทือนใจยิ่งนักและรู้สึกใจหายไปกับเหตุการณ์ที่ผมหรือแม้แต่คุณตาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะอุบัติขึ้นและทำให้ชีวิตของคุณตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนพายุกระหน่ำซ้ำเติมด้วยน้ำวิวาทพาดลงตกกลางจุดขับเคลื่อนของร่างกาย คือ หัวใจ เมื่อบุคคลที่ท่านรักมากที่สุด จะเป็นบุคคลคนที่ร้ายที่สุดหักหลังกันได้ลงคอ แอบขายทรัพย์สมบัติ บ้าน ที่ดิน ของท่านหมดเกลี้ยงเหลือเพียงแค่เงาแห่งความทรงจำเท่านั้นเองและซ้ำร้ายไปกว่านั้นเหมือนเอามีดแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจช่างเจ็บปวดและจะหาสิ่งใดมาเทียบเมื่อขายทรัพย์สมบัติแล้วก็หนีไปกับชายชู้ ซึ่งคุณตาเองก็ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเพราะว่าท่านทำงานอยู่ที่เมืองนอก ปัจจุบันลูกเต้าสามสี่คนก็ไม่สนใจใยดีต่อผู้เป็นพ่อที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อบรรดาลูกๆ ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากถามว่า”พ่อเป็นอย่างไรบ้าง” ช่างน่าสลดใจเป็นที่สุด

สิ่งนี้ผมถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับชีวิตของชายชราผู้นี้ “จากฟ้าดำดิ่งลงมาสู่เหวลึก เหตุการณ์การนี้ได้ผ่านมาหลายสิบปีแต่เงาของความรู้สึกยังคงเกาะกินหัวใจเหมือนเช่นเคยเสมอมาตราบเท่าทุกวันนี้ “ นั้นคือความคิดของผม แต่น่าแปลกสิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์ สิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์ สิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์ สิ่งที่ผมพบเห็นจากชายชราท่านนี้ไม่มีแม้แต่เงาแห่งความโศรกเศร้าและความเสียใจมีเพียงแค่รอยยิ้มและหัวใจนักสู้เท่านั้นที่ผมสัมผัสได้

สารในโอกาสวันวิสาขบูชา / ฮานะมัตสึริ ค.ศ. 2553


คริสตศาสนิกชนและพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพต่อชีวิต

อันเป็นพื้นฐานแห่งความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตทั้งปวง


นครวาติกัน

มิตรชาวพุทธที่รักทั้งหลาย


1. ในโอกาสฉลองวันวิสาขบูชา สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนาขอแสดงความชื่นชมยินดีและขอส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องพุทธศาสนิกชนทุกท่านที่อยู่ทั่วโลกขอให้สารฉบับนี้ช่วยส่งเสริมเพิ่มพูนมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างเราทั้งสองฝ่ายที่ดำเนินไปเพื่อการรับใช้เพื่อนมนุษย์นั้น ให้มีพลังเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

2. ขอให้เราถือโอกาสนี้ร่วมกันไตร่ตรองถึงประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งในยุคนี้ นั่นคือ วิกฤตธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ก่อให้เกิดความยุ่งยากและการสูญเสียมากมายทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ความร่วมมือระหว่างเราทั้งสองฝ่ายในการเสวนาระหว่างศาสนาได้จุดประกายให้เกิดความตื่นตัวในสังคมและความสำคัญแห่งชีวิตจิตในการให้ความเคารพต่อขนบประเพณีทางศาสนาในภูมิภาคนี้ เราต่างตระหนักดีและเห็นพ้องร่วมกันในเรื่องที่เกี่ยวกับคุณค่าการให้ความเคารพต่อธรรมชาติของทุกสิ่ง การพิจารณาไตร่ตรอง ความสุภาพถ่อมตน ความสมถะเรียบง่าย ความสงสารเห็นอกเห็นใจ และความใจกว้าง คุณค่าเหล่านี้ก่อให้เกิดการดำเนินชีวิตที่ไม่ใช้ความรุนแรง การมีดุลยภาพ และความพึงพอใจในสิ่งที่ตนมี

3. สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงตั้งข้อสังเกตว่า “ปรากฏการณ์ของสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลาย และภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่มากมายนั้น... เตือนเราให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องให้ความเคารพต่อธรรมชาติอย่างสมควร อีกทั้งจะต้องคำนึงและให้ความสำคัญในความสัมพันธ์กับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราด้วย” (คำปราศรัยต่อผู้เข้าเฝ้าทั่วไป วันที่ 26 สิงหาคม 2009) พระศาสนจักรคาทอลิกถือว่าการปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเรื่องการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม เหตุนี้จึงได้ปวารณาตนไม่เพียงแต่ที่จะปกป้องดิน น้ำ อากาศว่าเป็นสิ่งประทานที่ถูกมอบให้กับทุกคนเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนทุกคนให้พยายามที่จะปกป้องมนุษยชาติให้หลุดพ้นจากการทำลายตนเองด้วย ความจริงแล้วความรับผิดชอบของเราที่จะต้องปกป้องธรรมชาติเกิดจากการที่เราให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เกิดจากกฎที่จารึกอยู่ในดวงใจของมนุษย์ทุกคน ผลที่ตามมาคือ เมื่อการคุ้มครองมนุษย์ได้รับความเคารพในสังคม ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย (เทียบสมณสาสน์ความรักในความจริง-Caritas in Veritate, ข้อ 51)


4. ทั้งคริสตศาสนิกชนและพุทธศาสนิกชนต่างมีความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตมนุษย์ จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องช่วยกันส่งเสริมความพยายามในอันที่จะสร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็ยืนหยัดในความเชื่อมั่นร่วมกันเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ที่ไม่อาจจะทำลายได้ในทุกๆ ขั้นตอนและในทุกๆ สภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของบุคคล ภารกิจของการร่วมเป็นหนึ่งเดียวของครอบครัว ที่ซึ่งมนุษย์เรียนรู้ที่จะรักเพื่อนบ้านและให้ความเคารพต่อธรรมชาติ

5. ขอให้เราทั้งสองฝ่ายจงได้ช่วยกันส่งเสริมสัมพันธภาพอันดีระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม อาศัยความพยายามร่วมกันสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดความสำนักถึงดุลยภาพแห่งนิเวศน์วิทยา การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ เราสามารถเป็นประจักษ์พยานในการให้ความเคารพต่อความหมายแห่งวิถีชีวิต ไม่ใช่ในการมีให้มากขึ้นแต่ในการเป็นที่มากกว่า โดยแบ่งปันความเข้าใจที่ลึกซึ้งและความรับผิดชอบร่วมกันในการให้ความเคารพต่อขนบประเพณีของศาสนา เราก็สามารถที่จะช่วยกันเสริมสร้างความบริบูรณ์ให้แก่โลกของเราได้

มิตรชาวพุทธที่รักทั้งหลาย ขอมอบความปรารถนาดีจากใจอีกครั้ง และขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุขโอกาสวันวิสาขบูชานี้



พระคาร์ดินัล ฌอง-หลุยส์ โตร็อง
ประธานสมณสภาฯ

พระอัครสังฆราช ปิแอร์ ลุยจี เชลาต้า
เลขาธิการ

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

แถลงการณ์จากคริสตชนคาทอลิกในประเทศไทย



จากสถานการณ์ที่วิกฤตในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากความขัดแย้งและความแตกแยกของคนในชาติ ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิต เลือดเนื้อและทรัพย์สิน อย่างมากมาย หากการเผชิญหน้าและการใช้ความรุนแรงนี้ยังไม่ยุติ ก็จะนำไปสู่หายนะใหญ่หลวงของประเทศไทยอันเป็นที่รักของเรา

เรา คริสตชนคาทอลิกในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย จึงไม่อาจนิ่งนอนใจใน สถานการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ เพราะเรามี ความเชื่อว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งเป็น องค์ความรัก เราจึงจำเป็นต้องเปี่ยมด้วยความรักต่อประเทศชาติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพี่น้อง ร่วมชาติของเราทุกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข และไม่แบ่งแยก”

ท่ามกลางสถานการณ์ร้ายแรงนี้ เราจึงขอยืนยันท่าทีของคริสตชนในการดำรงชีวิตร่วมกันในสังคมโดยสันติ ดังนี้

1. เคารพคุณค่าของชีวิต และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
2. ยึดหลักความรัก ความเมตตา และการให้อภัย ดังพระวาจาที่ว่า “เราเป็นพระเจ้า ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและกรุณา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์”(อพย 34:6) และ “ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด”(ลก 6:31)

ในฐานะ คริสตชนคาทอลิกไทย เราจึงปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. ร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบ พระคุณเพื่อวอนขอสันติภาพสำหรับประเทศชาติ และอุทิศแด่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
2. สวดสายประคำ และภาวนาเพื่อขอสันติภาพทุกวันตลอดปีนี้
3. สงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่ออธิษฐานภาวนาขอสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติ หลังเคารพธงชาติเวลา 18.00 น. ทุกวัน

ท่าม กลางวิกฤติการณ์นี้ เราจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงทุกชนิด และหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี โดยยึดหลักแห่งความรักและการให้อภัย เพื่อประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราจะได้กลับคืนสู่ความสงบสุข และสันติโดยเร็ว

สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
สหพันธ์ อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทย
สมาคมคาทอลิกแห่งประเทศไทย
สื่อมวลชน คาทอลิกแห่งประเทศไทย
สมาคมสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย
สมาคมครู โรงเรียนคาทอลิกแห่งประเทศไทย
สมาคมสตรีคาทอลิกแห่งประเทศไทย
ชมรม นักธุรกิจคาทอลิกในประเทศไทย

17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หมายเหตุ ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 026813900 ต่อ 1204 (บาทหลวงพิพัฒน์), 1901 (บาทหลวงวรยุทธ)

ข้อมูล จากสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย

วีดีโอเยาวชนวัดเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุ

กิจกรรมเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุ วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู
มีเป็าหมายหลัก 2 ประการ คือ 1.เยี่ยมเยียนให้กำลัีงใจผู้สูงอายุอายุที่ต้องอยู่ลำพัง
2.ส่งเสริมให้เยาวชนของวัดได้ปฏิบัติจิตตารมณ์ของกลุ่ม คือ อุทิศตนและเสียสละ
ในการทำกิจกรรมแต่ละครั้งนั้นก็มุ่งเน้นให้ผู้สูงอายุได้ถ่ายทอดประสบการณ์และภูมิปัญญาสู่ลูกหลาน
ซึ่งกิจกรรมของเราก็มีหลายรูปแบบที่น่าสนใจที่น้องเยาวชนได้ช่วยกันจัด

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ภาพค่ายส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมเยาวชน ครั้งที่ 2

ค่ายส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมเยาวชน ครั้งที่ 2 จัดขื้นเมื่อวันที่ 15-17 เมษายน 2553 ที่ จ.หนองคาย ซึ่งค่ายก็มุ่งเน้นให้บรรดาเยาวชนที่เข้าร่วมค่ายได้สัมผัสกระบวนการของการคิดริเริ่มทำสิ่งที่ดีงามสู่การ- ปฎิบัติจริงโดยรับฟังการบรรยายจากวิทยากรทีมีประสบการณ์ กิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมฐาน ที่ให้ทั้่งสาระและความสนุกเพลิดเพลินควบคู่กันไป ซึ่งบรรยายกาศในค่ายก็อบอวนไปด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกันแม้ว่าจะมีความแตกต่างด้านปัจเจกบุคคล เมื่ิอเยาวชนได้เรียนรูุ้กระบวนการคิดเป็นเวลา 2 วันของการจัดค่ายและในวันสุดท้ายก็เป็นการปฎิบัติจริงโดยผ่านกิจกรรมเยียนเยียมผู้คนในชุมชนและการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชุมชน
ความประทับใจจากตัวแทนเยาวชน : ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอลได้จัดค่ายในลักษณะนี้อีกในครั้งหน้าและต่อๆ ไปเพราะมีกิจกรรมที่ดีที่น่าสนใจหลายอย่าง ได้เรียนรู็สิ่งต่างๆ มากมายท่ามกลางบรรยายกาศใหม่ๆ และถ้ามีการจัดครั้งหน้าอีกก็อยากจะเข้าร่วม

รายการวิทยุ คาทอลิกบอกเล่าก้าวสิบโดยวัดอัครเทวดามีคาแอล วันที่ 2 พ.ค. 2553