สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา
วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553
รื้อฟื้นคำสอนคาทอลิก

12.ธรรมประเพณีของอัครสาวกคืออะไร(75-79,83,96,96)
ธรรมประเพณีของอัครสาวกก็คือการถ่ายทอดสารของพระคริสตเจ้านับตั้งแต่แรกเริ่มของคริสตศาสนา โดยผ่านทางการเทศน์สอนการเป็นประจักษ์พยาน การสถาปนา คารวกิจ งานเขียนที่ได้รับการดลใจ บรรดาอัครสาวกได้ถ่ายทอดทุกสิ่งที่พวกท่านได้รับจากพระคริสตเจ้าและได้เรียนรู้จากพระจิตเจ้าให้แก่ผู้สืบตำแหน่งของท่าน คือ บรรดาพระสังฆราช และโดยผ่านทางบรรดาพระสังฆราชไปยังชนทุกรุ่นทุกสมัย จนถึงการอวสานแห่งกาลเวลา
วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553
“จากใจลูกคนหนึ่งของพ่อ...ต่อกิจกรรมเข้าเงียบ”

เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต อาเมน..ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงส่งพระจิตของพระองค์เพื่อให้สิ่งที่ลูกเขียนนี้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ต่อกิจกรรมเข้าเงียบ ที่พระองค์ได้ทรงโปรดเลือกสรรให้แก่ลูกด้วยเทอญ เดชะพระบิดาเจ้า พระเจ้าของเรา อาเมน...
วันแรกของการเยือนจังหวัดหนองบัวภู ผมรู้สึกประทับใจมากเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีอากาศที่ สดชื่น มีความเป็นธรรมชาติ ดำรงอยู่ตามแบบที่พระเจ้าพระผู้สร้างของเราได้ทรงสร้างไว้ การมาเยือนจังหวัดหนองบัวลำภู ถือเป็นการมาในครั้งแรกของผม สืบเนื่องจากผมได้รู้จักคุณพ่อแอนโทนี่ เลดิ๊ก ซึ่งเป็นคุณพ่อเจ้าวัดของวัดคาทอลิก อัครเทวดามีคาแอล จังหวัดหนองบัวลำภู โดยช่องทาง facebook ซึ่งเป็นการติดต่อสื่อสารของสังคมในยุคปัจจุบัน คุณพ่อแอนโทนี่เขียนข้อความแบ่งปัน ไว้ใน facebook ของวัดอัครเทวดามีคาแอล จังหวัดหนองบัวลำภู เชิญชวนเยาวชนอายุ ตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป ร่วมกิจกรรมเข้าเงียบ ในหัวข้อที่ว่า “ถ้าวันนี้ท่านได้ยินเสียงของพระเจ้า จงอย่าทำใจแข็งเลย” ซึ่งปกติแล้ว ผมจะพบเห็นแต่พระสงค์เข้าเงียบ แต่ยังไม่เคยพบว่ามีการจัดการเข้าเงียบของเยาวชน ผมจึงมีความสนใจ และได้ตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรมกับคุณพ่อแอนโทนี่

กิจกรรมแรกของการเข้าเงียบในหัวข้อที่ว่า “ถ้าวันนี้ท่านได้ยินเสียงของพระเจ้า จงอย่าทำใจแข็งเลย” คือการแนะนำตัวทำความรู้จักกับเยาวชนอื่นๆ ทำให้ผมได้รู้จัก พี่ๆ น้อง ๆ และเพื่อนๆ ที่มีความแตกต่างกันในหลายๆ เรื่อง แต่สิ่งที่พวกเรามีเหมือนกันนั้น คือความศรัทธา และความเชื่อที่พวกเรามีต่อพระเยซูเจ้าของเรา เมื่อเสร็จกิจกรรมนี้ ก็ถึงเวลาที่พวกเรารอคอยคือการรับประทานอาหารร่วมกัน คุณพ่อก็ให้พวกเราแบ่งหน้าที่กัน บ้างก็เป็นพ่อครัว บ้างก็คุยแบ่งปันพระวาจา บ้างก็แอบไปเข้าเงียบต่อ (นอนหลับ) บ้างก็รอล้างจาน ส่วนตัวผมเองคุณพ่อได้มอบหมายให้เป็นหัวหน้าพ่อครัว (ฟังแล้วก็แอบอมยิ้ม เพราะไม่รู้ว่าอาหารที่ทำจะอร่อยหรือเปล่า ฮา...ฮา..)
หลังจากนั้นคุณพ่อได้เทศน์สอนเกี่ยวกับ “การรับฟังเสียงของพระเจ้า” ทุกคนก็นิ่งเงียบและตั้งใจฟังคุณพ่อแอนโทนี่เทศน์สอนอย่างตั้งใจ คุณพ่อได้ให้พวกเรามีเวลาส่วนตัว 1 ชั่วโมงในการรำพึงไตร่ตรองเพื่อค้น หาเสียงของพระเจ้า เมื่อพวกเราได้รับคำสั่งแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปหาที่สงบ และเป็นส่วนตัว บ้างก็นั่งใต้ไม้ บ้างก็เดิน บางก็ยืนสงบนิ่ง เพื่อนคนไหนที่สงบนิ่งไม่ได้ก็จะแอบแกล้งเพื่อนคนอื่นบ้างอย่างสนุกสนาน แต่สุดท้ายทุกคนก็สงบนิ่งอยู่ในความเงียบ...เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งหมดเวลาทุกคนก็ตื่นจากความสงบเงียบ และเข้ามานั่งรวมกัน ณ ที่ห้องทำกิจกรรม คุณพ่อแอนโทนี่ได้ให้พวกเราแบ่งปันเสียงที่พวกเราได้ยิน บางคนก็เล่าถึงเสียงพระเจ้าที่ทรงตรัสผ่านธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้าง บ้างก็รำพึงถึงปัญหาชีวิตที่ตนกำลังเผชิญจนทำให้บางคนถึงกับร้องไห้ เพื่อนชาวเวียดนามคนหนึ่งเล่าว่า “ผมได้เข้าเงียบจริงๆ คือการนอนหลับพักพิงในพระเจ้า” เพื่อนๆ คนอื่นๆ พอได้ยินสิ่งที่กล่าวนั้นก็หัวเราะสนุกสนานกัน จนกลายเป็นเรื่องตลก (ตัวผมเองก็แอบหัวเราะตามไปด้วย ฮา...ฮา...)

เมื่อเสร็จจากการรับประทานอาหารว่าง คุณพ่อให้พวกเรานั่งสมาธิเพื่อสร้างมโนภาพให้เสมือนกับพวกเรากำลังสนทนากับพระเยซูเจ้า หลังจากนั้นพวกเราก็มาแบ่งปันสิ่งที่พวกเราได้คุยกับพระองค์ บางคนก็เล่าว่าได้คุยกับพระเยซูเจ้าบนสวรรค์ บ้างก็คุยกับพระเยซูเจ้าบนภูเขา บ้างก็คุยกับเยซูพระเจ้าในถ้ำ แต่สำหรับตัวผมเองนั้นได้คุยกับพระองค์ในทุ่งหญ้าที่มีฝูงแกะมากมาย แต่กิจกรรมนี้ก็มีคนเล่าว่า ได้คุยกับพระเยซูเจ้าแค่สักครู่ก็เผลอหลับไป ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนคนอื่นๆ ได้มากที่เดียว ฮา...ฮา... ในช่วงค่ำเป็นกิจกรรม “จดหมายจากใจ” โดยครูแหม่ม ครูแหม่มได้ให้พวกเราเขียนสิ่งที่พวกเราท้าทายในชีวิต และให้เพื่อนๆคนอื่นมาเขียนตอบสิ่งท้าทายต่างๆที่เรากำลังเผชิญ เพื่อให้สิ่งที่เพื่อนๆตอบนั้นเป็นพระวาจาของพระเจ้าที่ช่วยให้เราผ่านสิ่งที่เรากำลังท้าทายนั้น ๆ ไปได้ กิจกรรมสุดท้ายของวันนี้คือ การคืนดีกับพระเจ้า ในกิจกรรมนี้พวกเราได้ขอโทษกับพระ เจ้าในสิ่งผิดบาป ที่พวกเราทำไปด้วยความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การกระทำ หรือทางจิตใจ “ข้าพระเจ้าขอสารภาพต่อพระเจ้า ว่าข้าพเจ้าได้ทำบาปมากมาย ด้วยกาย วาจา ใจ และด้วยการละเลย ข้าพเจ้าเป็นคนบาป ข้าพเจ้ายอมรับว่าเป็นคนบาป.......” ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในพระเจ้า คุณพ่อก็ถามความสมัครใจว่าจะมีใครสวดสายประคำบ้าง แต่ทุกคนก็ลงความเห็นว่าจะสวดสายประคำ พวกเราก็เลยสวดสายประคำกันทุกคน



ความรู้สึกและความประทับใจของการเข้าเงียบในครั้งนี้ โดยปกติแล้วผมได้มีโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมลักษณะแบบนี้อยู่บ้าง แต่ไม่เคยรู้สึกเลยว่า เราจะสนิทใจเหมือนกับเราอยู่กับครอบครัวของเราเอง เหมือนกับเราอยู่บ้านของเราเอง เท่ากับกิจกิจกรรมในครั้งนี้มาก่อน เพราะเพื่อนๆ ทุกคนเป็นกันเอง โดยเฉพาะเพื่อนๆ ชาวเวียดนาม แม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกันในเรื่องของวัฒนธรรม แต่เพื่อน ๆ ชาวเวียดนามก็มีความใคร่กระหายหาที่จะเรียนรู้ในวัฒนธรรมของประเทศไทย เรียนรู้ที่จะสวดภาวนาเป็นภาษาไทย

สุดท้ายนี้ผมขอภาวนาเป็นพิเศษให้กับ คุณพ่อแอนโทนี่ เลดิ๊ก บราเดอร์เบิร์น ซิสเตอร์บ้านเทเรซา ครูแหม่ม น้องโทน พี่ดิเรก เจ้าหน้าที่ และเยาวชนวัดอัครเทวดามีคาแอล จังหวัดหนองบัวลำภู และเพื่อนๆที่เข้าร่วมกิจกรรมเข้าเงียบทุกท่าน ขอให้พวกเขามีพละกำลังในการเผยแพร่พระธรรมและพระวาจาของพระเจ้าตลอด ไป “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน เพราะว่าทุกคนที่ขอก็จะได้ ทุกคนที่แสวงหาก็จะพบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา” (มัทธิว 7:7-8)
เราจงภาวนา “โปรดสดับฟังเทิด พระเจ้าข้า”
เปาโล ปฐวี แวววับ (ป๊อป)
22 ตุลาคม 2553
วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553
รื้อฟื้นคำสอนคาทอลิก

11. ทำไมจึงต้องถ่ายทอดการเผยแสดงของพระเป็นเจ้าและด้วยวิธีใด(74)
พระเป็นเจ้า "มีพระประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้นและเข้าถึงการรู้ความจริงอันสมบูรณ์" (1 ทธ. 2:4) คือพระเยซูคริสตเจ้า เพราะเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีการประกาศถึงพระคริสตเจ้าแก่มนุษย์ทุกคนตามพระบัญชาของพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติ" (มธ. 28:19) การนี้เป็นจริงขึ้นมาพร้อมกับธรรมประเพณีของอัครสาวก
หนังสือประมวลคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก
รายการคาทอลิกบอกเล่าเก้าสิบ โดย วัดคาทอลิกอัครเทวดา มีคาแอล จ.หนองบัวลำภู
วันที่ 17 ตุลาคม 2010
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา
วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553
รายการวิทยูคาทอลิกบอกเล่าเก้าสิบ โดยวัดคาทอลิกอัครเทวดามี่คาแอล
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา/10 ตุลาคม 2010
รื้อฟื้นคำสอนคาทอลิก

เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวกับคลงแห่งความเชื่อ แต่เเพื่อช่วยในการดำเนินชีวิตตามความเชื่อ หากว่าเป็นสิ่งที่นำเราไปหาพระคริสตเจ้า อำนาจคำสั่งสอนของพระศาสนจักรซึ่งมีหน้าที่ในการแยกแยะความควรไม่ควรของการเผยแสดงส่วนตัว ไม่สามารถยอมรับอัางว่าอยู่เหนือกรือเป็นการแก้ไขการเปยแสดง ซึ่งพระคริสตเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำให้สำเร็จสมบูรณ์
(หนังสือประมวลคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก/Compendium Catechism of the Catholic Church)
วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สารวัดประจำเดือนตุลาคม 2010(หน้า7)
สายประคำธรรมทูต
เดือนตุลาคม เป็นเดือนแห่งการแสดงความศรัทธาต่อพระเจ้าโดยผ่านทางการสวดสายประคำ นอกจากนั้น ยังเป็นเดือนแห่งการประกาศข่าวดีหรือการแพร่ธรรมอีกด้วย ในปี ค.ศ. 2010 นี้ วันแพร่ธรรมสากลตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 24 ตุลาคม จึงขอแนะนำพี่น้องให้สวดสายประคำธรรมทูต ซึ่งประกอบด้วยเม็ดสายประคำ 5 สีด้วยกัน คือ
สีเขียว แทน ประชาชนทวีปแอฟริกา
สีน้ำเงิน แทน ทวีปออสเตรเลีย
สีแดง แทน ทวีปอเมริกา
สีขาว แทน ทวีปยุโรป
สีเหลือง แทน ทวีปเอเซีย
การสวดสายประคำธรรมทูตนี้ มาจากความคิดริเริ่มของพระอัครสังฆราชฟูลตัน ชีน ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1951 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมใจกันสวดสายประคำเพื่อคนทั่วโลก ไม่ใช่เพื่อตัวเราเองเท่านั้น
นอกจากการสวดสายประคำธรรมทูตแล้ว เรายังสามารถช่วยงานธรรมทูตได้ด้วยการบริจาคเงินสนับสนุนการทำงานแพร่ธรรม โดยบริจาคใส่ถุงทานในวันอาทิตย์ ที่ 24 ตุลาคม ให้มากขึ้นเป็นพิเศษด้วย เงินจำนวนนี้ทุกประเทศทั่วโลกจะนำไปรวมกันที่สำนักงานใหญ่ PMS กรุงโรมเพื่อนำไปจัดสรรให้กับงานแพร่ธรรมในประเทศต่างๆ ที่มีความต้องการเร่งด่วน รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย
(คัดจากบทความ สนามความคิด งานแพร่ธรรม คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ)

สีเขียว แทน ประชาชนทวีปแอฟริกา
สีน้ำเงิน แทน ทวีปออสเตรเลีย
สีแดง แทน ทวีปอเมริกา
สีขาว แทน ทวีปยุโรป
สีเหลือง แทน ทวีปเอเซีย
การสวดสายประคำธรรมทูตนี้ มาจากความคิดริเริ่มของพระอัครสังฆราชฟูลตัน ชีน ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1951 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมใจกันสวดสายประคำเพื่อคนทั่วโลก ไม่ใช่เพื่อตัวเราเองเท่านั้น
นอกจากการสวดสายประคำธรรมทูตแล้ว เรายังสามารถช่วยงานธรรมทูตได้ด้วยการบริจาคเงินสนับสนุนการทำงานแพร่ธรรม โดยบริจาคใส่ถุงทานในวันอาทิตย์ ที่ 24 ตุลาคม ให้มากขึ้นเป็นพิเศษด้วย เงินจำนวนนี้ทุกประเทศทั่วโลกจะนำไปรวมกันที่สำนักงานใหญ่ PMS กรุงโรมเพื่อนำไปจัดสรรให้กับงานแพร่ธรรมในประเทศต่างๆ ที่มีความต้องการเร่งด่วน รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย
(คัดจากบทความ สนามความคิด งานแพร่ธรรม คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ)
สารวัดประจำเดือนตุลาคม 2010(หน้า6)
งานแพร่ธรรมในต่างแดนของ บราเดอร์เบริ์น รอฟฟิ่ง

บราเดอร์เบริ์น เป็นตัวแทนบ้านนิจจานุเคราะห์ หนึ่งในคณะกรรมการเอดส์เข้าประชุมที่บ้านสงเคราะห์เด็กพิการ คามิลเลียน ลาดกระบัง กรุงเทพ เมื่อวันที่ 7-8 กันยายน 2010
อีกบทบาทหนึ่งของบราเดอร์เบริ์น คือ การเป็นครูอาสาสมัครสอนภาษาอังกฤษที่เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู มีผู้ต้องขัง ทั้งหญิงและชายให้ความสนใจเรียนภาษาอังกฤษ จำนวน 50 คน ในอนาคต ทางเรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู จะนำวิชาภาษาอังกฤษบรรจุเข้าเป็นเป็นหลักสูตรการเรียนสำหรับผู้ต้องขัง
และในโอกาสนี้บราเดอร์เบริ์น รอฟฟิ่ง ได้เปิดใจเกี่ยวกับงานด้านอภิบาลในเรือนจำกลาง จ.หนองบัวลำภู ของท่านเพื่อเป็นการแบ่งปัน ประสบการณ์ แบ่งปันชีวิตของท่านในการรับใช้พระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์
1.บราเดอร์เคยมีประสบการณ์ในการทำงานอภิบาลในเรือนจำมาก่อนรึเปล่า
บราเดอร์ เบิร์น: เมื่อตอนที่อยู่ประเทศเยอรมัน บราเดอร์เคยทำงาน เยี่ยมเยียนผู้ต้องขังที่นั่น แต่การสอนภาษาอังกฤษในเรือนจำ เป็นครั้งแรกในชีวิตของบราเดอร์ครับ
2.บราเดอร์รู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อเข้าในเรือนจำและสอนภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่สนใจ เห็นบราเดอร์บอกว่า มีหลายคนที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษกับบราเดอร์
บราเดอร์ เบิร์น: บราเดอร์รู้สึกแฮปปี้มาก และทุกคนที่บราเดอร์สอน ก็แฮปปี้ด้วย เราสอนและเรียนด้วยเสียงหัวเราะตลอดสองชั่วโมงของ การสอนภาษาอังกฤษ และบราเดอร์หวังว่า อีกไม่นานนักเรียนของ บราเดอร์จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้นิด..น้อย..(บราเดอร์กล่าวติดสำเนียงคนต่างประเทศ)
3.ที่นั่นบราเดอร์รู้สึกประทับใจอะไรพิเศษบ้าง
บราเดอร์ เบิร์น: บราเดอร์ประทับนักเรียนบราเดอร์ทุกคน เพราะเขา ตั้งใจเรียน และหัวเราะตลอด บราเดอร์มีความสุข
4.บราเดอร์สอนภาษาอังกฤษวันไหนบ้าง
บราเดอร์ เบิร์น: บราเดอร์สอนวันอังคารกับวันพฤหัสฯ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง วันอังคารบราเดอร์สอนผู้ชาย ส่วนวันพฤหัสบราเดอร์สอน ผู้หญิง นักเรียนบราเดอร์อายุระหว่าง 18-56 ปี ทั้งหมด 40 กว่าคน
5.บราเดอร์อยากฝากอะไรกับท่านผู้อ่านสารวัดของเรารึเปล่าครับ
บราเดอร์ เบิร์น: เอ่อ...มีวันหนึ่งบราเดอร์ไปเยี่ยมผู้ป่วยและผ่านเรือนจำแห่งนี้ บราเดอร์จึงเกิดความคิดอยากจะเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขัง เหมือนที่พระเยซูบอกกับเราว่า “เมื่อเราอยู่ในคุกท่านก็มาเยี่ยม” บราเดอร์มีความคิดว่า บราเดอร์น่าจะไปสอนภาษาอังกฤษด้วย และเยี่ยมผู้ต้องขังด้วย และสิ่งที่บราเดอร์อยากฝากก็คือ คนเรามีส่วนที่ดีในตัว เสมอ ถ้าเราเลือกที่จะมองข้ามความผิดอันเล็กน้อย เราจะมองความดี ที่ยิ่งใหญ่ในตัวของเพื่อนพี่น้องของเรา และจะค้นพบใบหน้าของพระ เยซูในใบหน้าของเพื่อนพี่น้องของเราด้วย บราเดอร์เชื่อเช่นนั้น
วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล ขอขอบคุณบราเดอร์เบิร์น เป็นอย่างยิ่งสำหรับการเปิดใจ และแบ่งปันประสบการณ์สำหรับท่าน ผู้อ่านทุกท่านในสารวัดฉบับนี้ และขอพระเป็นเจ้าอวยพรในกิจการของบราเดอร์ให้สำเร็จตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าทุกประการ
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับมิชชั่นนารีแต่ละคน ที่ต้องเดินจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง สู่ดินแดนที่ไม่รู้จักมาก่อน
แต่สิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลต่างๆ นั่นคือ ความเสียสละของมิชชั่นนารีแต่ละคน ที่สละความสุขส่วนตัว และมาประกาศถึง ความรักและพระนามของพระเป็นเจ้าสู่ทุกคน

บราเดอร์เบริ์น เป็นตัวแทนบ้านนิจจานุเคราะห์ หนึ่งในคณะกรรมการเอดส์เข้าประชุมที่บ้านสงเคราะห์เด็กพิการ คามิลเลียน ลาดกระบัง กรุงเทพ เมื่อวันที่ 7-8 กันยายน 2010
อีกบทบาทหนึ่งของบราเดอร์เบริ์น คือ การเป็นครูอาสาสมัครสอนภาษาอังกฤษที่เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู มีผู้ต้องขัง ทั้งหญิงและชายให้ความสนใจเรียนภาษาอังกฤษ จำนวน 50 คน ในอนาคต ทางเรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู จะนำวิชาภาษาอังกฤษบรรจุเข้าเป็นเป็นหลักสูตรการเรียนสำหรับผู้ต้องขัง
และในโอกาสนี้บราเดอร์เบริ์น รอฟฟิ่ง ได้เปิดใจเกี่ยวกับงานด้านอภิบาลในเรือนจำกลาง จ.หนองบัวลำภู ของท่านเพื่อเป็นการแบ่งปัน ประสบการณ์ แบ่งปันชีวิตของท่านในการรับใช้พระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์
1.บราเดอร์เคยมีประสบการณ์ในการทำงานอภิบาลในเรือนจำมาก่อนรึเปล่า
บราเดอร์ เบิร์น: เมื่อตอนที่อยู่ประเทศเยอรมัน บราเดอร์เคยทำงาน เยี่ยมเยียนผู้ต้องขังที่นั่น แต่การสอนภาษาอังกฤษในเรือนจำ เป็นครั้งแรกในชีวิตของบราเดอร์ครับ
2.บราเดอร์รู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อเข้าในเรือนจำและสอนภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่สนใจ เห็นบราเดอร์บอกว่า มีหลายคนที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษกับบราเดอร์
บราเดอร์ เบิร์น: บราเดอร์รู้สึกแฮปปี้มาก และทุกคนที่บราเดอร์สอน ก็แฮปปี้ด้วย เราสอนและเรียนด้วยเสียงหัวเราะตลอดสองชั่วโมงของ การสอนภาษาอังกฤษ และบราเดอร์หวังว่า อีกไม่นานนักเรียนของ บราเดอร์จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้นิด..น้อย..(บราเดอร์กล่าวติดสำเนียงคนต่างประเทศ)
3.ที่นั่นบราเดอร์รู้สึกประทับใจอะไรพิเศษบ้าง
บราเดอร์ เบิร์น: บราเดอร์ประทับนักเรียนบราเดอร์ทุกคน เพราะเขา ตั้งใจเรียน และหัวเราะตลอด บราเดอร์มีความสุข
4.บราเดอร์สอนภาษาอังกฤษวันไหนบ้าง
บราเดอร์ เบิร์น: บราเดอร์สอนวันอังคารกับวันพฤหัสฯ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง วันอังคารบราเดอร์สอนผู้ชาย ส่วนวันพฤหัสบราเดอร์สอน ผู้หญิง นักเรียนบราเดอร์อายุระหว่าง 18-56 ปี ทั้งหมด 40 กว่าคน
5.บราเดอร์อยากฝากอะไรกับท่านผู้อ่านสารวัดของเรารึเปล่าครับ
บราเดอร์ เบิร์น: เอ่อ...มีวันหนึ่งบราเดอร์ไปเยี่ยมผู้ป่วยและผ่านเรือนจำแห่งนี้ บราเดอร์จึงเกิดความคิดอยากจะเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขัง เหมือนที่พระเยซูบอกกับเราว่า “เมื่อเราอยู่ในคุกท่านก็มาเยี่ยม” บราเดอร์มีความคิดว่า บราเดอร์น่าจะไปสอนภาษาอังกฤษด้วย และเยี่ยมผู้ต้องขังด้วย และสิ่งที่บราเดอร์อยากฝากก็คือ คนเรามีส่วนที่ดีในตัว เสมอ ถ้าเราเลือกที่จะมองข้ามความผิดอันเล็กน้อย เราจะมองความดี ที่ยิ่งใหญ่ในตัวของเพื่อนพี่น้องของเรา และจะค้นพบใบหน้าของพระ เยซูในใบหน้าของเพื่อนพี่น้องของเราด้วย บราเดอร์เชื่อเช่นนั้น
วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล ขอขอบคุณบราเดอร์เบิร์น เป็นอย่างยิ่งสำหรับการเปิดใจ และแบ่งปันประสบการณ์สำหรับท่าน ผู้อ่านทุกท่านในสารวัดฉบับนี้ และขอพระเป็นเจ้าอวยพรในกิจการของบราเดอร์ให้สำเร็จตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าทุกประการ
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับมิชชั่นนารีแต่ละคน ที่ต้องเดินจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง สู่ดินแดนที่ไม่รู้จักมาก่อน
แต่สิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลต่างๆ นั่นคือ ความเสียสละของมิชชั่นนารีแต่ละคน ที่สละความสุขส่วนตัว และมาประกาศถึง ความรักและพระนามของพระเป็นเจ้าสู่ทุกคน
สารวัดเดือนตุลาคม 2010(หน้า5)
ปิดเทอม "ทักษะชีวิต"
ช่วงนี้สังเกตเห็นว่าเกือบทุกโรงเรียนได้ทำการสอบวัดผลและปิดเทอมแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับกิจกรรมทักษะ-ชีวิตของเราที่ได้ทำการปิดเทอมเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน แต่ว่ากิจกรรมทักษะชีวิตของเราไม่ต้องมีการสอบวัดผลทางทฤษฎีแต่อย่างใด แต่การสอบวัดผลของกิจกรรมทักษะชีวิตของเรา คือ เมื่อปิดเทอมแล้วได้นำสิ่งที่เรียนรู้มาตลอด 3 เดือนของกิจกรรมได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์มากสูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่นนั่นแสดงว่า เด็กๆ และเยาวชนคนนั้น สอบผ่านกิจกรรมทักษะชีวิตของเราแล้ว!!
26 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมากิจกรรมทักษะของเราได้ทำกิจกรรมครั้งสุดท้ายของเทอมแรก ณ บ้านพักร่วมใจ
“เมื่อพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณจบลง พวกเราใช้เวลาเพื่อเตรียมตัวในการเดินทางไม่นาน โดยมีรถถึง 3 คันเพราะว่าเด็กๆ และ เยาวชนของเรามีกันเยอะมากครับ จากวัดไปถึงบ้านพักร่วมใจใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที และเมื่อถึงแล้วกิจกรรมของเราเริ่มด้วย
การนั่งเป็นวงกลมและเข้าสู่การสวดภาวนาเพื่อวอนขอพระ พรจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในการทำกิจกรรมในวันนั้น หลังจากนั้นเรา มีพิธีมอบรางวัล สำหรับเด็ก 2 คนและเยาวชน 2 คน เพื่อแสดงว่าบุคคลที่รับรางวัลนั้น คือ บุคคลที่มีความกระรือร้น ร่วมกิจกรรม อย่างดี และยังกระตุ้นเพื่อนๆ คนอื่นให้ร่วมในการทำกิจกรรมอีกด้วย และที่สำคัญ คือ มาร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด
และเด็กๆ สองคนที่รับรางวัลคือ น้องเบิร์ดและน้องต้อง ส่วนเยาวชน คือ พี่ทั้งและพี่ส้ม ก็ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และต่อจากนั้น เราได้แบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่ม 1.กลุ่มเด็ก 2.กลุ่มเยาวชน เพื่อทำแบบประเมินสำหรับกิจกรรมทักษะชีวิต เพื่อทางทีมงานของเราจะได้นำข้อเสนอแนะและข้อผิดพลาด ไปปรับปรุงแก้ไขให้พร้อมสำหรับเทอม 2 ที่กำลังจะมาถึง
เวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมงและเวลาใกล้เที่ยงก็กำลังมาถึง บางคนก็บ่นว่าหิวแล้ว อ้าว...ถ้าหิวแล้วก็จัดไปเลยครับคุณน้อง ทุกคนก็เตรียมอาหารกันยกใหญ่ เมนูที่คลาสสิกที่สุดคงหนีไม่พ้น ส้มตำกับปลาเผา และยังมีเยาวชนของเราอีกจำนวนหนึ่งลุยสระเพื่อหาปลา แต่ว่าเงาปลาก็ยังไม่เห็นสักตัว ว้า... โอกาสหน้าคงเป็นวันของเรา
ขณะที่พี่เยาวชนกำลังเตรียมอาหาร น้องเด็กๆ กำลังใจจดใจ จ่อเป็นบิงโกกันใหญ่ ทั้งขนมทั้งของรางวัลมากมาย แจกไม่อั้น!!
เมื่ออาหารพร้อมเสริฟบนเสื่อที่เราได้จัดเตรียมไว้ กลิ่นปลาร้าก็โชยมาติดจมูกทุกคน ต้องบอกว่าส้มตำวันนั้นนี่ไม่แพ้ส้มตำร้าน
ไหนเลย กับปลาเผาตัวโตๆ เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพแต่พวกเราก็ไม่ลืมที่จะโมทนาพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับผู้ที่จัดเตรียมทั้งอาหารและอาคารสถานที่ให้กับพวกเราในวันนั้น
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยพระกรุณาและสำเร็จลงด้วยพระเมตตาขององค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับกิจกรรมในวันนั้นต้องขอขอบคุณ คุณพ่อแอนโทนี่ ครูแหม่ม เด็กๆ เยาวชนทุกคน และคุณดิเรก เจ้าหน้าที่บ้านพักร่วมใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้อย่างดี

26 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมากิจกรรมทักษะของเราได้ทำกิจกรรมครั้งสุดท้ายของเทอมแรก ณ บ้านพักร่วมใจ
“เมื่อพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณจบลง พวกเราใช้เวลาเพื่อเตรียมตัวในการเดินทางไม่นาน โดยมีรถถึง 3 คันเพราะว่าเด็กๆ และ เยาวชนของเรามีกันเยอะมากครับ จากวัดไปถึงบ้านพักร่วมใจใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที และเมื่อถึงแล้วกิจกรรมของเราเริ่มด้วย
การนั่งเป็นวงกลมและเข้าสู่การสวดภาวนาเพื่อวอนขอพระ พรจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในการทำกิจกรรมในวันนั้น หลังจากนั้นเรา มีพิธีมอบรางวัล สำหรับเด็ก 2 คนและเยาวชน 2 คน เพื่อแสดงว่าบุคคลที่รับรางวัลนั้น คือ บุคคลที่มีความกระรือร้น ร่วมกิจกรรม อย่างดี และยังกระตุ้นเพื่อนๆ คนอื่นให้ร่วมในการทำกิจกรรมอีกด้วย และที่สำคัญ คือ มาร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด
และเด็กๆ สองคนที่รับรางวัลคือ น้องเบิร์ดและน้องต้อง ส่วนเยาวชน คือ พี่ทั้งและพี่ส้ม ก็ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และต่อจากนั้น เราได้แบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่ม 1.กลุ่มเด็ก 2.กลุ่มเยาวชน เพื่อทำแบบประเมินสำหรับกิจกรรมทักษะชีวิต เพื่อทางทีมงานของเราจะได้นำข้อเสนอแนะและข้อผิดพลาด ไปปรับปรุงแก้ไขให้พร้อมสำหรับเทอม 2 ที่กำลังจะมาถึง
เวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมงและเวลาใกล้เที่ยงก็กำลังมาถึง บางคนก็บ่นว่าหิวแล้ว อ้าว...ถ้าหิวแล้วก็จัดไปเลยครับคุณน้อง ทุกคนก็เตรียมอาหารกันยกใหญ่ เมนูที่คลาสสิกที่สุดคงหนีไม่พ้น ส้มตำกับปลาเผา และยังมีเยาวชนของเราอีกจำนวนหนึ่งลุยสระเพื่อหาปลา แต่ว่าเงาปลาก็ยังไม่เห็นสักตัว ว้า... โอกาสหน้าคงเป็นวันของเรา
ขณะที่พี่เยาวชนกำลังเตรียมอาหาร น้องเด็กๆ กำลังใจจดใจ จ่อเป็นบิงโกกันใหญ่ ทั้งขนมทั้งของรางวัลมากมาย แจกไม่อั้น!!
เมื่ออาหารพร้อมเสริฟบนเสื่อที่เราได้จัดเตรียมไว้ กลิ่นปลาร้าก็โชยมาติดจมูกทุกคน ต้องบอกว่าส้มตำวันนั้นนี่ไม่แพ้ส้มตำร้าน
ไหนเลย กับปลาเผาตัวโตๆ เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพแต่พวกเราก็ไม่ลืมที่จะโมทนาพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับผู้ที่จัดเตรียมทั้งอาหารและอาคารสถานที่ให้กับพวกเราในวันนั้น
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยพระกรุณาและสำเร็จลงด้วยพระเมตตาขององค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับกิจกรรมในวันนั้นต้องขอขอบคุณ คุณพ่อแอนโทนี่ ครูแหม่ม เด็กๆ เยาวชนทุกคน และคุณดิเรก เจ้าหน้าที่บ้านพักร่วมใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้อย่างดี
สารวัดประจำเดือนตุลาคม 2010(หน้า4)
ห้องเอ็กซ์เรย์ปัญหา
พระเจ้าสร้างอวัยวะมนุษย์ให้มีหูสองหู แต่มีปากเพียงแค่อัน เดียวเท่านั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาว่า การรับฟังต้องมากกว่าการ พูด แต่คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า การพูดไม่สำคัญ หากแต่การพูดนั้นจัดว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีการสอน มีเทคนิคต่างๆ มากมาย แต่คำพูดที่มีเทคนิค มีวิธีการพูดดี คงไม่มีใครอยากฟังหากมันไร้ซึ่ง ความจริงใจ!!!
ห้องเอ็กซ์เรย์ของเราได้รับจดหมายฉบับหนึ่งเมื่อทางเราได้อ่านก็พบว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย นั่นคือ เรื่องวิธีการพูดนั่นเอง
คุณแต๋วได้เขียนจดหมายและได้เล่าให้เราฟังว่า “ช่วงนิ้ดิฉัน รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย เมื่อเห็นพฤติกรรมของลูกสาววัย 15 ปีเปลี่ยนไป โดยสิ้นเชิง เพราะว่า ลูกสาวชอบคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน และที่สำ คัญ คือ เธอมีโทรศัพท์ยี่ห้อแพง ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเราก็เป็น ครอบครัวเกษตรกร และเวลาที่ดิฉันถามว่า เอาโทรศัพท์มาจากที่ไหน พอดิฉันถาม เธอก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ เมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ ทำให้ดิฉันคิดไปต่างๆ นาๆ ดังนั้นจึงอยากจะเรียนถามและขอให้ทาง ทีมงานห้องเอกเรย์ช่วยหาทางออกในเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าดิฉันเองก็ไม่รู้ ว่าจะพูดอย่างไร จะถามอย่างไร เพื่อให้ลูกเข้าใจว่า พ่อและแม่เป็นห่วงและให้ความสนใจเรื่องราวทุกๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเขา”
ห้อง x-ray: ขอขอบคุณคุณแต๋วที่ไว้วางใจให้ทีมงานห้องเอ็กซเรย์ ได้มีส่วนร่วมในครอบครัวคุณ ทีมงานของเรามีแนวคิดว่า ลูกสาวคุณแต๋ว กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ที่มีความนิยมสิ่งของที่ทันสมัย ซึ่งยุคนี้ คือ ยุควัตถุนิยม ไม่ใช่ยุคของความเจริญด้านจิตใจ ปัญหาที่คุณแต๋วค้นพบ ในตัวลูกสาวนับว่า เป็นปัญหาที่หลายครอบครัวกำลังประสบ
สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ในเวลานี้ คือ การมอบเวลาให้ลูกของคุณ พยายามสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้น ระหว่างตัวคุณแต๋วและลูก ไม่ใช่พยายามค้นหาคำตอบจากลูกเพียงอย่างเดียว คุณแต๋วต้องพยา-ยามก้าวไปทีละก้าว ถึงแม้จะช้าแต่มันจะคุ้มค่ากับความไว้วางใจที่ลูก มอบให้กับคุณ เมื่อลูกคุณแต๋วมอบความไว้วางใจให้กับตัวคุณแล้ว คุณแต๋วก็สามารถที่จะป้อนคำถามที่คุณต้องการทราบจากลูก
ทีมงานห้องเอ็กซเรย์หวังว่าลูกของคุณแต๋วจะให้คำตอบที่คุณต้องการทราบ ไม่มากก็น้อยและหวังว่าคำตอบที่คุณแต๋วได้รับจะไม่ทำให้คุณแต๋วเสียใจหรือวิตกกังวลมากไปกว่านี้
ทางทีมงานขอเป็นกำลังใจให้คุณแต๋วได้มีกำลังใจและมีพละกำลังในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณและลูกสาว ได้มีความเข้าใจอันดีต่อกัน
ขอพระเจ้าอวยพร
ทีมงานห้องเอ็กซเรย์

ห้องเอ็กซ์เรย์ของเราได้รับจดหมายฉบับหนึ่งเมื่อทางเราได้อ่านก็พบว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย นั่นคือ เรื่องวิธีการพูดนั่นเอง
คุณแต๋วได้เขียนจดหมายและได้เล่าให้เราฟังว่า “ช่วงนิ้ดิฉัน รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย เมื่อเห็นพฤติกรรมของลูกสาววัย 15 ปีเปลี่ยนไป โดยสิ้นเชิง เพราะว่า ลูกสาวชอบคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน และที่สำ คัญ คือ เธอมีโทรศัพท์ยี่ห้อแพง ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเราก็เป็น ครอบครัวเกษตรกร และเวลาที่ดิฉันถามว่า เอาโทรศัพท์มาจากที่ไหน พอดิฉันถาม เธอก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ เมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ ทำให้ดิฉันคิดไปต่างๆ นาๆ ดังนั้นจึงอยากจะเรียนถามและขอให้ทาง ทีมงานห้องเอกเรย์ช่วยหาทางออกในเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าดิฉันเองก็ไม่รู้ ว่าจะพูดอย่างไร จะถามอย่างไร เพื่อให้ลูกเข้าใจว่า พ่อและแม่เป็นห่วงและให้ความสนใจเรื่องราวทุกๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเขา”
ห้อง x-ray: ขอขอบคุณคุณแต๋วที่ไว้วางใจให้ทีมงานห้องเอ็กซเรย์ ได้มีส่วนร่วมในครอบครัวคุณ ทีมงานของเรามีแนวคิดว่า ลูกสาวคุณแต๋ว กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ที่มีความนิยมสิ่งของที่ทันสมัย ซึ่งยุคนี้ คือ ยุควัตถุนิยม ไม่ใช่ยุคของความเจริญด้านจิตใจ ปัญหาที่คุณแต๋วค้นพบ ในตัวลูกสาวนับว่า เป็นปัญหาที่หลายครอบครัวกำลังประสบ
สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ในเวลานี้ คือ การมอบเวลาให้ลูกของคุณ พยายามสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้น ระหว่างตัวคุณแต๋วและลูก ไม่ใช่พยายามค้นหาคำตอบจากลูกเพียงอย่างเดียว คุณแต๋วต้องพยา-ยามก้าวไปทีละก้าว ถึงแม้จะช้าแต่มันจะคุ้มค่ากับความไว้วางใจที่ลูก มอบให้กับคุณ เมื่อลูกคุณแต๋วมอบความไว้วางใจให้กับตัวคุณแล้ว คุณแต๋วก็สามารถที่จะป้อนคำถามที่คุณต้องการทราบจากลูก
ทีมงานห้องเอ็กซเรย์หวังว่าลูกของคุณแต๋วจะให้คำตอบที่คุณต้องการทราบ ไม่มากก็น้อยและหวังว่าคำตอบที่คุณแต๋วได้รับจะไม่ทำให้คุณแต๋วเสียใจหรือวิตกกังวลมากไปกว่านี้
ทางทีมงานขอเป็นกำลังใจให้คุณแต๋วได้มีกำลังใจและมีพละกำลังในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณและลูกสาว ได้มีความเข้าใจอันดีต่อกัน
ขอพระเจ้าอวยพร
ทีมงานห้องเอ็กซเรย์
สารวัดประจำเดือนตุลาคม 2010( หน้า 1)
สารจากคุณพ่อเ้จ้าอาวาส

พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า งานฉลองวัดอัครเทวดามีคาแอล ในปีนี้ ได้ผ่านไปด้วยดี จากการ สังเกตและบอกเล่า ของแขกที่มาร่วมงานฉลองวัดว่า งานฉลองวัดจัดยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา จำนวนพระ สงฆ์ นักบวช เพิ่มมากขึ้น การแสดงมีคณะนักเรียน นำดนตรีโปงลาง มาแสดงร่วมกับเด็กและเยาวชนของเรา ทำให้การต้อนรับพระคุณเจ้ายอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัยและแขกที่มาร่วมงานฉลองวัด มีสีสันและสร้างบรรยากาศความสนุกสนาน มากขึ้น ด้านพิธีกรรม สง่างาม สร้างความศรัทธาให้กับผู้มาร่วมงานฉลองวัดได้เป็นอย่างดี อาหารมีเพียงพอสำหรับทุกคน สิ่งที่สำคัญที่สุด วันฉลองวัด ท้องฟ้าแจ่มใส ฝนไม่ตก
เรามีอะไรมากมายที่จะโมทนาคุณพระเป็นเจ้า งานฉลองวัดปีนี้ เราได้รับการร่วมมือและการสนับสนุนจากบุคคล และหน่วยงานต่างๆ ในเขตวัดของเรา เช่น สภาอภิบาลวัด พี่น้องสัตบุรุษ สำนักงานบ้านนิจจานุเคราะห์ บ้านเด็กคุณแม่เทเรซา กลุ่มเยาวชน เรายังได้รับความร่วมมือ จากโรงเรียน หน่วยงานราชการ รวมทั้งร้านค้าชุมชน ที่ให้การสนับสนุนงานฉลองวัดในครั้งนี้ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดและเป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำของเรา คือ ภาพอาจารย์วิทูร ท่านได้ช่วยเหลือในเรื่องของการประดับตกแต่งดอกไม้ที่สวยงามบนพระแท่น อาจารย์เริ่มจัดดอกไม้ เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันศุกร์ ที่ 1 ตุลาคม 2010 เวลา 23.30 น. ทุกอย่างก็ถูกจัดอย่างสวยงามบนพระแท่น เป็นเวลา 9 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานมาก อาจารย์ไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย ผลงานของอาจารย์น่าประทับใจมาก แต่ความงามด้านจิตใจและความเสียสละของท่านน่าประทับใจมากกว่านั้นอีก สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลืมอาจารย์วิทูรไม่ได้เป็นสมาชิกของวัด และไม่ได้เป็นคาทอลิก แต่ท่านได้แสดงให้เห็นถึง การมีน้ำใจที่กว้างขวาง สิ่งนี้ช่วยให้เราได้มองเห็นถึงความหมายของวิถีชุมชนร่วมกัน เปิดใจยอมรับ และช่วยเหลือเกื้อกูล ซึ่งกันและกัน
การที่วัดเล็ก สามารถจัดกิจกรรมใหญ่โตเช่นนี้ได้ ก็เพราะเรามีความตั้งใจจริง แต่สิ่งที่ท้าทายสำหรับเรา ไม่ใช่การจัดงานที่ใหญ่โต แต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของชุมชนคริสตชน โดยการสร้างชุมชนที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้า และมีความรัก ซึ่งกันและกัน หวังเป็นอย่าง ยิ่งว่าความชื่นชมยินดี ความกระตือรือร้นในการฉลองวัดปีนี้ จะอยู่กับเราและจะเป็นบ่อเกิดแห่งพละกำลังให้เราได้ปฏิบัติภารกิจต่อไป เพื่อให้การฉลองวัดปีหน้า จะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ เฉกเช่นปีนี้
พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า งานฉลองวัดอัครเทวดามีคาแอล ในปีนี้ ได้ผ่านไปด้วยดี จากการ สังเกตและบอกเล่า ของแขกที่มาร่วมงานฉลองวัดว่า งานฉลองวัดจัดยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา จำนวนพระ สงฆ์ นักบวช เพิ่มมากขึ้น การแสดงมีคณะนักเรียน นำดนตรีโปงลาง มาแสดงร่วมกับเด็กและเยาวชนของเรา ทำให้การต้อนรับพระคุณเจ้ายอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัยและแขกที่มาร่วมงานฉลองวัด มีสีสันและสร้างบรรยากาศความสนุกสนาน มากขึ้น ด้านพิธีกรรม สง่างาม สร้างความศรัทธาให้กับผู้มาร่วมงานฉลองวัดได้เป็นอย่างดี อาหารมีเพียงพอสำหรับทุกคน สิ่งที่สำคัญที่สุด วันฉลองวัด ท้องฟ้าแจ่มใส ฝนไม่ตก
เรามีอะไรมากมายที่จะโมทนาคุณพระเป็นเจ้า งานฉลองวัดปีนี้ เราได้รับการร่วมมือและการสนับสนุนจากบุคคล และหน่วยงานต่างๆ ในเขตวัดของเรา เช่น สภาอภิบาลวัด พี่น้องสัตบุรุษ สำนักงานบ้านนิจจานุเคราะห์ บ้านเด็กคุณแม่เทเรซา กลุ่มเยาวชน เรายังได้รับความร่วมมือ จากโรงเรียน หน่วยงานราชการ รวมทั้งร้านค้าชุมชน ที่ให้การสนับสนุนงานฉลองวัดในครั้งนี้ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดและเป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำของเรา คือ ภาพอาจารย์วิทูร ท่านได้ช่วยเหลือในเรื่องของการประดับตกแต่งดอกไม้ที่สวยงามบนพระแท่น อาจารย์เริ่มจัดดอกไม้ เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันศุกร์ ที่ 1 ตุลาคม 2010 เวลา 23.30 น. ทุกอย่างก็ถูกจัดอย่างสวยงามบนพระแท่น เป็นเวลา 9 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานมาก อาจารย์ไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย ผลงานของอาจารย์น่าประทับใจมาก แต่ความงามด้านจิตใจและความเสียสละของท่านน่าประทับใจมากกว่านั้นอีก สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลืมอาจารย์วิทูรไม่ได้เป็นสมาชิกของวัด และไม่ได้เป็นคาทอลิก แต่ท่านได้แสดงให้เห็นถึง การมีน้ำใจที่กว้างขวาง สิ่งนี้ช่วยให้เราได้มองเห็นถึงความหมายของวิถีชุมชนร่วมกัน เปิดใจยอมรับ และช่วยเหลือเกื้อกูล ซึ่งกันและกัน
การที่วัดเล็ก สามารถจัดกิจกรรมใหญ่โตเช่นนี้ได้ ก็เพราะเรามีความตั้งใจจริง แต่สิ่งที่ท้าทายสำหรับเรา ไม่ใช่การจัดงานที่ใหญ่โต แต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของชุมชนคริสตชน โดยการสร้างชุมชนที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้า และมีความรัก ซึ่งกันและกัน หวังเป็นอย่าง ยิ่งว่าความชื่นชมยินดี ความกระตือรือร้นในการฉลองวัดปีนี้ จะอยู่กับเราและจะเป็นบ่อเกิดแห่งพละกำลังให้เราได้ปฏิบัติภารกิจต่อไป เพื่อให้การฉลองวัดปีหน้า จะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ เฉกเช่นปีนี้
วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ประมวลภาพงานฉลองวัด 2 ตุลาคม 2010
เตรียมอาคารสถานที่


วจนพิธีกรรมสวดเทเซ่(คืนก่อนงานฉลอง วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2010)

บรรยากาศในวันฉลอง 2 ตุลาคม 2010













วจนพิธีกรรมสวดเทเซ่(คืนก่อนงานฉลอง วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2010)

บรรยากาศในวันฉลอง 2 ตุลาคม 2010












วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)