วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

“ชายที่เมื่อก่อนทุกคนต่างขนานนามว่าเศรษฐีบุญส่ง แต่กลายกลับมาเป็นเพียงตาแก่บุญส่ง”

โดย เทวราช ไทยลำภู
26 พฤภาคม 2553


คำถามผุดขึ้นในสมองของผมเสมอตลอดระยะเวลาที่ผมกำลังดำเนินชีวิตในช่วงวัยรุ่นเพื่อค้นหาสัจจะธรรมของชีวิต “สิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์” ความพยายามในการค้นหาซึ่งคำตอบจากคำถามนั้นมันต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน หนึ่งปี สิบปี หรือว่าทั้งชีวิตของผมเอง

เมื่อนานมานี้ผมได้พบกับคุณตาท่านหนึ่งโดยการเข้าร่วมกิจกรรมเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุของวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล จ.หนองบัวลำภู ท่านเป็นคนที่มีอัธยาสัยดีกับทุกคนที่แวะเวียนมาเยี่ยมท่าน ทุกคนในระแวกนั้นเรียกท่านว่า ”ตู้ส่ง” ท่านอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ เพื่อเป็นที่สำหรับเอนกายลงนอนในเวลาที่ร่างกายเกิดความเหนื่อยอ่อนของวัย 76 ปี แต่น่าแปลกว่าทำไมตาบุญถึงมาอยู่ที่กระท่อมเล็กๆ ซึ่งทรุดโทรมหลังนี้ ลูกเต้าเหล่ากอ ญาติพี่น้องของแกอยู่ที่ไหนเล่าถึงปล่อยให้ชายในวัยชราภาพเช่นนี้ไร้ซึ่งผู้ดูแลและถูกทิ้งไว้แต่เพียงลำพัง

ผมจะพบกับคุณตาบุญทุกวันอาทิตย์ซึ่งผมจะขับรถมอเตอร์ไซด์ไปรับแกมาร่วมมิสซาและในโอกาสที่เยาวนของวัดไปเยี่ยมผู้สูงอายุผมก็จะได้พบและพูดคุยกับกับคุณตาท่านนี้ สิ่งหนึ่งทำให้ผมสนใจประวัติของคุณตาผู้นี้ก็คือ เมื่อก่อนคุณตาคนนี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดาแต่เป็นเศรษฐีแห่งเมืองหนองบัวลำภู มีหน้ามีตาในสังคมและมีที่ดินหลายร้อยไร่ “ทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่ตาหามาได้ก็หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตาเอง” คุณตากล่าว คำกล่าวนี้ของคุณตาบุญทำให้ผมรู้โดยทันทีว่าคุณตาบุญส่งเป็นบุคคลอย่างไร แต่แล้วเพราะเหตุผลประการใดเล่า “ชายที่เมื่อก่อนทุกคนต่างขนานนามว่าเศรษฐีบุญส่ง แต่กลายกลับมาเป็นเพียงตาแก่บุญส่ง” ด้วยความสงสัยนี้ผมจึงอดไม่ได้ที่อยากจะรู้ว่าเหตุผลที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตของชายชราผู้ผู้นี้คืออะไร คำตอบของแกนั้นจะคล้ายกับสิ่งที่ผมคิดหรือจะผิดแปลกออกไป ผมก็ยังไม่ทราบชัดเจนจนกว่าคำตอบนั้นจะออกมาจากปากของชายชราผู้นี้

ในที่สุดคำตอบที่ผมได้รับช่างผิดเพี้ยนไปจากความคิดของผมอย่างมากแม้แต่คุณตาเองก็บอกผมว่า “ตาก็ไม่คิดฝันเหมือนกันว่าจะเป็นเช่นนั้น” คำตอบที่ผมได้รับมันช่างทำให้ผมสะเทือนใจยิ่งนักและรู้สึกใจหายไปกับเหตุการณ์ที่ผมหรือแม้แต่คุณตาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะอุบัติขึ้นและทำให้ชีวิตของคุณตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนพายุกระหน่ำซ้ำเติมด้วยน้ำวิวาทพาดลงตกกลางจุดขับเคลื่อนของร่างกาย คือ หัวใจ เมื่อบุคคลที่ท่านรักมากที่สุด จะเป็นบุคคลคนที่ร้ายที่สุดหักหลังกันได้ลงคอ แอบขายทรัพย์สมบัติ บ้าน ที่ดิน ของท่านหมดเกลี้ยงเหลือเพียงแค่เงาแห่งความทรงจำเท่านั้นเองและซ้ำร้ายไปกว่านั้นเหมือนเอามีดแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจช่างเจ็บปวดและจะหาสิ่งใดมาเทียบเมื่อขายทรัพย์สมบัติแล้วก็หนีไปกับชายชู้ ซึ่งคุณตาเองก็ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเพราะว่าท่านทำงานอยู่ที่เมืองนอก ปัจจุบันลูกเต้าสามสี่คนก็ไม่สนใจใยดีต่อผู้เป็นพ่อที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อบรรดาลูกๆ ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากถามว่า”พ่อเป็นอย่างไรบ้าง” ช่างน่าสลดใจเป็นที่สุด

สิ่งนี้ผมถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับชีวิตของชายชราผู้นี้ “จากฟ้าดำดิ่งลงมาสู่เหวลึก เหตุการณ์การนี้ได้ผ่านมาหลายสิบปีแต่เงาของความรู้สึกยังคงเกาะกินหัวใจเหมือนเช่นเคยเสมอมาตราบเท่าทุกวันนี้ “ นั้นคือความคิดของผม แต่น่าแปลกสิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์ สิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์ สิ่งใดเล่าประทังชีวิตมนุษย์ สิ่งที่ผมพบเห็นจากชายชราท่านนี้ไม่มีแม้แต่เงาแห่งความโศรกเศร้าและความเสียใจมีเพียงแค่รอยยิ้มและหัวใจนักสู้เท่านั้นที่ผมสัมผัสได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น