วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เยาวชนและเด็กๆร้องเพลงในมิสซาฉลองวันแพร่ธรรมสากล 2012

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2555 สัตบุรุษหนองบัวลำภูร่วมงานแพร่ธรรมสากลที่อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์ พระคุณเจ้า ยอแซฟลือชัย ธาตุวิสัย ประธานในพิธี ได้ให้ข้อคิดเตือนใจเราว่า พระศาสนจักรถือว่า วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น “วันแพร่ธรรมสากล” พร้อมกับเชิญชวนคริสตชนทุกคนให้ตระหนักถึงความสำคัญของงานแพร่ธรรมหรืองานธรรมทูต ด้วยการอธิษฐานภาวนาและการสนับสนุนกระแสเรียกการเป็นธรรมทูต จำไว้เสมอว่าในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของพระศาสนจักร เราไม่สามารถปฏิเสธธรรมชาติของเราเองได้ งานธรรมทูต หรืองานแพร่ธรรม หรืองานประกาศข่าวดี สุดแล้วแต่ใครจะเรียก จึงไม่ใช่พันธกิจที่เราจะทำก็ได้ หรือไม่ทำก็ได้ แต่เป็นพันธกิจที่เราทุกคนต้องทำ เมื่อทำแล้ว เราควรภูมิใจที่มีส่วนร่วมในแผนการแห่งความรอดพ้นสำหรับมวลมนุษย์

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ประมวลภาพชุมชนวัดสวดสายประคำเดือนแม่พระ 2012

เป็นอีกบรรยากาศที่จะพบเห็นได้ในชุมชนคาทอลิกหนองบัวลำภู กับบรรยากาศแห่งความรัก ความศรัทธาต่อสายประคำศักดิ์สิทธิ์ทุกเสาร์ตลอดเดือนแม่พระ ในความศักดิ์สิทธิ์เราได้นำพระพรของแม่พระไปสู่ชุมชนชาวพุทธเพราะคริสตชนที่หนองบัวลำภู ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านพุทธ ดังนั้น การนำรูปแม่พระออกไปสวดที่บ้านสัตบุรุษย่อมเป็นเครื่องหมายที่เรานำข่าวดีและพระพรไปสู่ชุมชนนั้น อีกหนึ่งบรรยากาศที่เราจะได้พบเห็นอยู่เสมอคือ บรรยากาศแบบครอบครัวชุมชนคาทอลิก ที่ทุกครั้งหลังจากที่เราภาวนาเสร็จแล้ว เราก็จะร่วมรับประทานอาหารพร้อมกัน นี่เป็นอีกวิถีชุมชนที่เรียบง่ายแต่ก็แฝงไปด้วยความรัก ความอบอุ่นที่ทุกคนสามารถแสดงออกอย่างเปิดเผยและชื่นชมยินดีในพระพรที่พระประทานให้กับชุมชนวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภูของเรา

สื่อนำความรัก 28 Oct 2012

ต้อนรับคริสตชนใหม่ 2 คน

คริสตชนใหม่ วันที่ 24 ตุลาคม 2555 คุณพ่อตวน และคุณพ่อวิน,SVD ได้เป็นประธานในพิธีโปรดศีลล้างบาปสำหรับเยาวชนเวียดนาม 2 คน คือ นายนาม เหวียน นางสาวเฮียน เหงียน เขาทั้งสองได้เรียนคำสอนกับคุณพ่อแอนโทนี่ เลดึ๊ก และมีความปรารถนาแน่วแน่ในการที่จะเข้าร่วมพระศาสนจักรคาทอลิก และมุ่งหวังในอนาคตว่าจะสร้างครอบครัวคริสตชนใหม่ให้เป็นคาทอลิกที่เข้มแข็งและเป็นแบบอย่างสำหรับคริสตชนและผู้ที่ต่างความเชื่อ ให้เขาได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ค่ายเยาวชนเวียดนาม


    เมื่อวันที่ 12 –14  ตุลาคม 2555 โดยการนำของคุณพ่อแอนโทนี่เลดึ๊ก, SVD เจ้าอาวาส ได้จัดค่ายเยาวชนเวียดนามเป็นครั้งที่ 2 ที่วัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู  เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม 60 คน โดยมีจุดประสงค์ เพื่อส่งเสริมด้านชีวิตฝ่ายจิตให้กับเยาวชนเวียดนามที่ใช้แรงงานในประเทศไทย และนักศึกษาที่เข้ามาเรียน  การจัดค่ายครั้งนี้มุ่งหวังจะเป็นพลังเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิตให้กับเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดระยะเวลา 3 วัน ให้สามารถรักษาความเชื่อ ความศรัทธาของตนเองไว้ แม้ว่าจะตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีคนดูแลให้คำปรึกษา  แต่ให้เขาได้เรียนรู้ถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขาเสมอ  

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ส่งเสริมชีวิตฝ่ายจิต


       เมื่อวันที่ 6-7 ตุลาคม 2555 ด้วยการนำขององค์พระจิตเจ้า  คุณแอนโทนี่ หว่อง  วิทยากรชาวมาเลเซีย ได้นำพระพรขององค์พระคริสต์เจ้า มาให้สัตบุรุษหนองบัวลำภูในการบรรยายชีวิตจิต 4 ประการที่พระประทาน  มีเด็กนักเรียนคำสอน เยาวชน และผู้ใหญ่ เข้ารับฟังการบรรยาย สิ้นสุดการบรรยาย คุณแอนโทนี่ได้แบ่งปันพระพรการรักษาโรคและรับประสบการณ์ชีวิตฝ่ายจิตที่พระตรัสกับเราโดยผ่านวิทยากรท่านนี้  


วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ปาฎิหารย์แห่งรัก

เป็นโอกาสดีที่เดือนตุลาคม คริสตชนวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู จะนำรูปแม่พระไปสวดที่บ้านให้แม่พระได้อวยพรครอบครัวของผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น อาศัยความรัก ความศรัทธาที่เรามีโดยการสวดสายประคำแม่พระ เพราะการสวดสายประคำอันนี้เอง ที่ทำให้ชีวิตของเราได้รับปาฎิหารย์ในการช่วยเหลือของพระแม่ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป มุมเล็กๆของสารวัดฉบับนี้ ขอนำเสนอปาฎิหารย์แห่งพระหรรษทานของแม่พระ .. สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ดิฉัน สกอลัสติกา จิรวรรณ ผิวเหลือง “วันทามารีย์เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้ได้รับพระพรกว่าสตรีใดๆ…”เมื่อผู้อ่านได้ยินบทภาวนานี้ เชื่อว่าทุกท่านต้องนึกถึง “แม่พระ” ซึ่งแตงก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อตกในภาวะเสี่ยงต่างๆ หรือต้องเริ่มภารกิจที่สำคัญ ก็มักจะนึกถึง “บทวันทามารีย์” เสมอ เหตุการณ์ที่จะเล่าถึงนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวแตงเอง เมื่อ 2-3 ปี ก่อน ในเช้าวันอาทิตย์ทุกอย่างดูเป็นปกติ แตงตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีมิสซาเหมือนทุกๆวันอาทิตย์ เมื่อถึงเวลา 08:30 น. ถึงเวลาเริ่มพิธี ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ รวมถึงร่างกายและจิตใจของแตงก็ปกติ ร่างกายสามารถทำงานได้ปกติ เหมือนเช่นทุกวัน สามารถร้องเพลงในพิธี ตอบรับในพิธีได้อย่างสบาย ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่…เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้น เมื่อพิธีมิสซาดำเนินไปจนถึงช่วงรับศีลรู้สึกเหมือนตัวชาไปทั้งตัว มือไม่มีเรี่ยวแรง ตาพล่ามัว มองไม่เห็น ในขณะนั้นเองพยายามลืมตา เพื่อมองไปยังรูปพระเยซูซึ่งอยู่หน้าพระแท่น แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ณ ตอนนั้นคิดว่าเราเองต้องตาบอดแน่ๆ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย จึงได้เพียงภาวนาในใจอย่างช้าๆ ด้วยบทข้าแต่พระบิดา.. แต่ก็ไม่สามารถที่สวดจนจบได้ เพราะร่างกายไม่ไหวจริงๆ จึงตั้งใจใหม่อีกครั้งด้วยการเริ่มสวดบทวันทามารีย์..พร้อมกับค่อยๆหายใจเข้า-ออกช้าๆ เมื่อสวดจบตาก็เริ่มสว่างขึ้น มองเห็นได้บ้างพอลางๆ และเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง จึงฝืนร่างกายของตน ก้าวออกไป จากที่นั่ง เพื่อไปรับศีลมหาสนิท แล้วกลับมาคุกเข่าสวดบทวันทามารีย์อีกครั้ง เมื่อสวดจบทุกอย่างเริ่มเป็นปกติ จึงแอบคิดในใจว่าเกือบไปแล้วนะเรา เกือบตาบอดแล้วนะสิ แต่ก็คิดว่า...ถ้าต้องตาบอดจริงๆ ลูกก็ยินดีรับถ้านี่คือความต้องการของพระเป็นเจ้า นี่จึงเป็นอัศจรรย์จากความเชื่อที่มีต่อแม่พระและเป็นวันอาทิตย์ที่ตราตรึงในความทรงจำแห่งความเชื่อของแตงจนถึงปัจจุบัน… ...แตง..

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส

การดำเนินชีวิต มีหลายครั้งที่เราต้องประสบปัญหากับอุปสรรคต่างๆ หรือความคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ชีวิตของตนเองเทียบกับคนอื่นไม่ได้ และทุกครั้งก็จะมีคำถามที่ฉุกคิดขึ้นว่า ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงเกิดขึ้นกับฉัน แต่เวลานี้เราอยากจะให้คุณได้มองตนเองให้เป็นความว่างเปล่า หากพระเจ้าจะทรงต้องการที่จะตรัสถามอะไรกับเราบ้าง พระองค์คงไม่ปรารถนาที่จะตรัสถามถึงสติปัญญาความสามารถของเรา และพระองค์จะไม่ทรงมองดูความงดงามบนใบหน้าของเราด้วย แต่คำถามของพระองค์ที่จะมาถึงเรานั้น จะเป็นการถามที่จะมุ่งทดสอบจิตใจของเรา มากกว่า ดังนั้น คำถามของพระองค์จึงเป็นคำถามที่สั้นๆเข้าใจง่าย ตรงประเด็นและเจาะลึกถึงส่วนที่เร้นลับที่สุดของชีวิตเรา ทั้งนี้เพื่อช่วยเราให้ได้ตรวจสอบการเดินทางของชีวิตฝ่ายจิตและนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของเรา “ กับ 15 คำถามที่พระเจ้าไม่ปรารถนาจะตรัสถามเรา ” 1.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า ขับรถยี่ห้ออะไร แต่พระองค์จะตรัสถามเราว่า “ คุณได้ช่วยคนที่ไม่มีรถไปในจุดหมาย ปลายทาง กี่คน ” 2.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า บ้านคุณใหญ่โตขนาดไหน แต่พระองค์จะตรัสถามเราว่า “ คุณได้ต้อนรับบุคคลที่เข้ามาในบ้านกี่คน ” 3.พระองค์จะไม่ตรัสถามถึง เสื้อผ้าแบรน์เนมแต่พระองค์จะตรัสถามเราว่า “ คุณได้บริจาคเสื้อผ้าให้กับคนยากจน หรือยัง ” 4.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า คุณมีฐานะอะไรในสังคม แต่พระองค์จะตรัสถามว่า “ คุณได้แสดงพฤติกรรมอย่างไรกับผู้อื่น ” 5.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า คุณมีทรัพย์สมบัติมากน้อยแค่ไหน แต่พระองค์จะตรัสถามว่า “ คุณถูกทรัพย์สินเหล่านั้นครอบงำชีวิตของคุณหรือไม่ ” 6.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า เงินเดือนเท่าไหร่ แต่พระองค์จะตรัสถามว่า “ คุณได้รับเงินเดือนนั้นด้วยความซื่อสัตย์และ ด้วยน้ำพัก น้ำแรงของตนเอง หรือไม่ ” 7.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า เราต้องทำงานพิเศษวันละกี่ชั่วโมง แต่พระองค์จะตรัสถามว่า “ คุณทำสิ่งนี้เพื่อครอบครัวและคนที่คุณรักหรือไม่ ” 8.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า เราได้รับการเลื่อนตำแหน่งกี่ครั้ง แต่พระองค์จะตรัสถามว่า“คุณได้ยกย่องคนอื่นอย่างไร ” 9.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า ตำแหน่งของเราคืออะไร แต่พระองค์จะตรัสถามว่า “ คุณได้ทำงานในหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดหรือไม่ ” 10.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า เราได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือตนเองบ้างแต่จะถามว่า“คุณได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ” 11.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า คุณมีเพื่อนกี่คน แต่จะถามว่า “ คุณเป็นเพื่อนที่ดีกับคนอื่นกี่คน ” 12.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า คุณได้ทำอะไรเพื่อปกป้อง สิทธิของตนเอง แต่จะถามว่า “ คุณได้ทำอะไรเพื่อปกป้องสิทธิของคนอื่น ” 13.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า คุณพักอาศัยอยู่ที่ไหน แต่จะถามว่า “ คุณได้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อคนอื่นหรือไม่ ” 14.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า ผิวของคุณสีอะไร แต่จะตรัสถามว่า “ อุปนิสัยของคุณเป็นเช่นไร ” 15.พระองค์จะไม่ตรัสถามเราว่า การกระทำของคุณได้สอดคล้องกับคำพูดของคุณกี่ครั้ง แต่จะตรัสถามว่า “ มีกี่ครั้งที่การกระทำของคุณไม่สอดคล้องกับคำพูด ” และนี่คือคำถาม 15 ข้อ ที่ถึงแม้ว่าพระองค์อาจจะตรัสถามแก่ผู้อื่น แต่เราทุกคนก็ควรจะคิดว่า..พระองค์ทรงตรัสกับเราด้วยเช่นเดียวกัน และหากเป็นเช่นนั้นจริง เราจะตอบคำถามของพระองค์ ที่มาถึงเราโดยตรงนี้ได้อย่างไร? นี่เป็นคำถามที่เราทุกคนจะต้องตอบ ไม่ใช่คำถามที่ต้องการความรู้ แต่เป็นคำถามที่เกี่ยวกับชีวิตจิตวิญญาณของเราที่จะต้องตอบคำถาม15 ข้อนี้ให้ได้ เมื่อเราตอบคำถามนั้นได้ ชีวิตของเราก็จะไม่ว่างเปล่าและจะถูกเติมเต็มด้วยการประพฤติปฎิบัติของเรา โดยอาศัยพระหรรษทานของพระที่จะทรงช่วยให้เราได้พยายามทำคำตอบนั้นให้ดีที่สุด  บางครั้งพระเจ้าก็ทรงต้องการที่จะให้เราก้าวต่อไปข้างหน้า เป็นการดีที่เราจะเรียกหาพระเจ้า และรอคอยพระองค์ แต่เมื่อพระเจ้าตรัสกับเราว่า “จงไป” นั่นก็คือ ถึงเวลาที่เราจะต้องไป และทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการให้เราทำ...

ประมวลภาพกิจกรรมเดือนกันยายน 2012

ศาสนสัมพันธ์ .....คุณพ่อแอนโทนี่ เลดึ๊ก เจ้าอาวาสวัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู ได้รับเชิญเข้าร่วมการสัมมนานานาชาติเรื่อง “ ศาสนากับกระบวนการสร้างสันติภาพในอาเซียน ” จัดโดยโครงการจัดตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะเลขานุการของศาสนาเพื่อสันติภาพ สภาศาสนสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสันนิบาตโลกมุสลิม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2555 ณ โรงแรมเดอะสุโกศล ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพมหานครและมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา โดยเชิญผู้นำศาสนาจากประเทศกลุ่มอาเซียน มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ศาสนาเพื่อส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้นำศาสนาทั้ง 5 ศาสนาในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียนเพื่อนำตัวอย่างที่ดีไปจัดการความขัดแย้งทางศาสนาหรือความขัดแย้งอื่นๆที่สามารถใช้หลักการและกระบวนการศาสนาเข้าไปเยียวยาให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์และสันติสุข อันเป็นรากฐานที่มั่นคงต่อประชาคมอาเซียนในระยะยาวต่อไป  การสัมมนาในครั้งนี้ คุณพ่อแอนโทนี่ ได้แลกเปลี่ยนในเรื่องงานศาสนสัมพันธ์กับกระบวนการสร้างสันติภาพในประเทศเวียดนาม

  ต้อนรับสงฆ์ใหม่เพื่องานแพร่ธรรม วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2555 หลังพิธีบูชาขอบพระคุณสัตบุรุษวัดร่วมใจกันต้อนรับพระสงฆ์ 4 ท่านของคณะพระวจนาถต์ของพระเจ้า ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อช่วยงานอภิบาลและงานแพร่ธรรมของสังฆมณฑลอุดรธานี พระสงฆ์ทั้ง 4 ท่าน เป็นชาวเวียดนาม 2 ท่าน และชาวอินโดนีเซีย 2 ท่าน ขณะนี้กำลังเรียนภาษาไทยที่ราชภัฎอุดรธานี การต้อนรับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง มีการแสดงของน้องๆเยาวชนไทยและการแสดงของเยาวชนเวียดนาม หลังจากเสร็จพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ร่วมรับประทานอาหารพร้อมกัน

สื่อนำความรัก 07 October 2012