วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เตรียมเสด็จพระคริสตเจ้า(สารวัดเดือนธันวาคม 2010)

ในช่วงเทศกาลแห่งการเตรียมรับเสด็จ วัดอัครเทวดามีคาแอล หนองบัวลำภู ได้จัดวจนพิธีกรรมเพื่อให้สัตบุรุษวัด ได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการรำพึงไตร่ตรองแผนการของพระเจ้า และมุ่งเชื้อเชิญให้เราพิจารณาบุคคลที่พระเจ้าได้ทรงเลือกและทรงเตรียมไว้ เพื่อให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมล้ำลึกเรื่องการรับสภาพมนุษย์ของพระบุตร ดังนั้นเพื่อให้ความหมายของการเตรียมรับเสด็จ มีความสำคัญและเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นฝ่ายพิธีกรรม ขอนำเสนอบทเขียนของคุณพ่อเอกรัตน์ หอมประทุม มาแบ่งปันให้พี่น้องได้ทราบถึงหัวใจสำคัญของเทศกาลเตรียมรับเสด็จ..

สำหรับเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เรามีเวลาสี่สัปดาห์เพื่อเตรียมตัวเตรียมจิตใจไว้รับเสด็จองค์พระมหาไถ่ ความจริงแล้วพระคริสตเจ้ามิได้เสด็จมาเฉพาะในวันคริสตมาสเท่านั้น แต่พระองค์เสด็จมาหาเราทุกวัน ทุกเวลา ทุกโอกาส เพียงแต่ว่าเราไม่ได้รับรู้เท่านั้น ถ้าเรามีความเชื่อเราก็จะรู้ว่า พระองค์เสด็จมาหาเราเสมอๆ ทางพระวาจาทางพิธีกรรม โดยเฉพาะบูชามิสซาขอบพระคุณ ทางเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทางบุคคลทั้งหลายที่เราได้พบปะในชีวิตประจำวัน ฯลฯ เราจะต้องเตรียมจิตใจไว้ให้พร้อมที่จะต้อนรับพระองค์เสมอ ในการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเราอาจมองได้....2....ความหมาย 1. โลกและสรรพสิ่งจะต้องมีวันสิ้นสุดนั่นคือ “วันสิ้นโลก” และ พระเยซูคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งในวันนั้นในฐานะพระตุลาการ พิพากษามนุษยชาติ วันนั้นเป็นวันไหนเมื่อไรเราไม่ทราบ พระเยซูคริสตเจ้าบอกกับเราว่า “มีแต่พระบิดาผู้เดียวเท่านั้นทรงทราบ” เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวและจิตใจให้พร้อมอยู่เสมอ 2. วันสิ้นชีวิตของมนุษย์แต่ละคน ก็เป็นวันที่พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาด้วยและใครจะสิ้นใจเมื่อไรอย่างไรเราก็ ไม่ทราบเช่นเดียวกัน พระวาจาของพระเจ้าเตือนให้เราดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ ดังที่พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า “พวกท่านจงเตรียมพร้อมอยู่เสมอเพราะพวกท่านไม่รู้วันเวลา”

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า จึงไม่ใช่เทศกาลเตรียมสมโภชการบังเกิดมาของพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าเป็นครั้งที่ 2 ด้วยการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของ พระเยซูคริสตเจ้า จะไม่ใช่การบังเกิดมาทารกน้อยนอนในรางหญ้าอีกต่อไป แต่พระองค์จะเสด็จมาเป็นผู้พิพากษามนุษยชาติ ด้วยเหตุนี้เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า จึงไม่ใช่เพียงเทศกาลเตรียมการฉลองรื่นเริงในวันคริสต์มาสเท่านั้น แต่ตรงข้าม ต้องเป็นเทศกาลที่เราต้องจถ้าพบว่าอะไรดีเป็นสิ่งที่ส่งเสริมความเชื่อ ความศรัทธา ทำให้เราเป็นคนดีขึ้นก็ทำต่อไป และขอพลังจากพระเป็นเจ้าให้เราพัฒนาความเชื่อ ความศรัทธา ของเราให้เข้มแข็งมากขึ้นอยู่เสมอ ถ้าพบความบกพร่อง เราต้องเปิดใจรับความจริงและแก้ไข ลำพังตัวเราเองคงทำอะไรไม่ได้เราจึงต้องขอพลังจากพระเป็นเจ้าอีกเช่นกัน

ในโอกาสที่กำลังเข้าสู่บรรยากาศเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ ให้เราถามตัวเราเองว่า เราพร้อมหรือไม่ที่จะนำพระผู้ไถ่ไปสู่คนอื่น เราได้นำพระผู้ไถ่ไปสู่คนอื่นหรือยัง เราจะทำริงจังกับชีวิตมากขึ้น เปิดบัญชีชีวิตขึ้นอ่านทบทวน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น