วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พิธีกรรม

วันสมโภชนักบุญทั้งหลายและวันระลึกถึงผู้ล่วงลับ

วันสมโภชนักบุญทั้งหลายและวันระลึกถึงผู้ล่วงลับ อาจกล่าวได้ว่า สองวันนี้เป็นวันพิเศษในรอบปี เหตุไฉนจึงกล่าวเช่นนั้น ทั้งสองวันมีความสำคัญอย่างไร ในหน้าพิธีกรรมของสารวัดเดือนพฤศจิกายน ขอเผยแพร่พระโอวาทของสมเด็จพระสันตะปาปาที่ให้ข้อคิดในวันสมโภชนักบุญทั้งหลายว่า " ทุกคนถูกเรียกให้มาเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ 1 พฤศจิกายน " / 2 พฤศจิกายน

สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงประทานข้อคิดสะกิดใจเนื่องในโอกาสวันสมโภชนักบุญทั้งหลายด้วยการเน้นย้ำว่า ความศักดิ์สิทธิ์มิได้เป็นสิทธิพิเศษที่สงวนไว้ให้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น แต่ความศักดิ์สิทธิ์คือคำถามที่พระมอบให้ทุกคนได้ตอบว่าจะดำเนินชีวิตเช่นนั้นหรือไม่ โดยพระองค์ตรัสเรื่องดังกล่าว ในระหว่างการนำสวดภาวนาเทวทูตถือสาร เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน ในปีค.ศ. 2007
"ในช่วงแรกๆที่พระศาสนจักรได้รับการก่อตั้งขึ้น คริสตชนทุกคนต่างได้รับการเรียกให้มาเป็นนักบุญ พวกเขาได้รับความศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เกิดด้วยศีลล้างบาปซึ่งได้ผูกเราเข้ากับพระเยซูและพระธรรมล้ำลึกปาสกาของพระองค์ แต่กระนั้นก็ดี การจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือนักบุญ เราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตอย่างสนิทสัมพันธ์กับพระองค์"
"บางครั้ง เรานึกไปเองว่า ความศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่สงวนไว้ให้กับผู้ที่ได้รับเลือกสรรบางคน แต่ในความเป็นจริง การดำเนินชีวิตเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์คือหน้าที่ของคริสตชนและของมนุษย์ทุกคน ดั่งจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัสที่ว่า มนุษย์ทุกคนถูกเรียกให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ในวันสุดท้ายหรือวันพิพากษา อาณาจักรของพระเจ้าจะประกอบไปด้วยผู้ดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับเด็กๆและดำเนินชีวิตเหมือนกับพระองค์"
พระสันตะปาปา ทรงย้ำชัดเจน
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงชื่นชมความหลักแหลมของพระศาสนจักรที่จัดให้วันสมโภชนักบุญทั้งหลายและวันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับอยู่ติดกัน พร้อมกันนี้ พระองค์ยังสนับสนุนให้คริสตังทุกคนร่วมกันสวดภาวนาขอบคุณพระที่ประทานให้นักบุญทั้งหลาย ได้มีชีวิตอยู่และเป็นแบบอย่างแก่เรา นอกจากนี้ เรายังต้องสวดภาวนาเพื่อดวงวิญญาณผู้ล่วงลับทุกคนอีกด้วย
"ด้วยปรีชาญาณของพระศาสนจักรที่ได้จัดวางให้วันสมโภชนักบุญทั้งหลายอยู่ติดกับวันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ ดังนั้น คำภาวนาของเราทุกคนที่สรรเสริญพระเจ้าและท่านนักบุญเหล่านั้น ยังได้ร่วมเป็นคำภาวนาให้กับผู้ล่วงลับที่ได้จากโลกนี้ก่อนเรา เพื่อเข้ารับชีวิตนิรันดร"

"ผู้ที่เป็นศูนย์กลางของบรรดานักบุญทั้งหลายก็คือแม่พระ ซึ่งเปี่ยมด้วยความสุภาพถ่อมตนและสูงส่งกว่าสิ่งสร้างทั้งมวล ขอให้เรามอบตัวเราไว้ในอารักขาของแม่พระ และเมื่อนั้น เราจะก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็งบนหนทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

วันระลึกถึงผู้ล่วงลับ เรามักจะคิดถึงบรรพบุรุษ และผู้ที่เรารักใคร่นับถือซึ่งตายหรือล่วงลับไปแล้วซึ่งรวมกันแล้วมีจำนวนมหาศาล นับไม่ถ้วน เราเชื่อว่าบรรดาท่านเหล่านั้นได้บรรลุความรอดโดยอยู่ในสวรรค์แน่นอนแล้ว หรือได้บรรลุความรอดโดยยังต้องติดค้างชำระตนอยู่ ณ แห่งหนใด การรำลึกถึงผู้ตาย หรือผู้ล่วงลับจึงเน้นไปในลักษณะอุทิศกุศลกรรมต่างๆ ที่ตั้งใจกระทำ เพื่อเป็นการไถ่โทษให้แก่ท่านเหล่านั้นจะได้บรรลุถึงความรอดในสวรรค์อย่างแน่นอนต่อไป ส่วนการขอศีล ขอพรจากท่าน ก็สามารถกระทำได้เช่นเดียวกับ “ศรัทธาต่อวิญญาณในไฟชำระ” ที่ยังนิยม และส่งเสริมให้กระทำกันอยู่ในปัจจุบันทั้งหลาย ในวันรำลึกถึงผู้ล่วงลับ ก็จะมีพิธีมิสซาพิเศษและพิธีเสกสุสาน เปิดโอกาสให้บรรดาคริสตชนได้คืนสู้เหย้า มาร่วมพิธีมิสซาพิเศษและเสกสุสานกันอย่างคับคั่ง อุทิศแก่บรรพบุรุษ ญาติสนิท มิตรสหาย ซึ่งเชื่อว่าในสวรรค์ก็คงจะมีการฉลองสมโภชอย่างใหญ่โตไม่แพ้กัน สิ่งสำคัญก็คือ อย่ากระทำเพียงเพราะเป็นเทศกาล หรือเป็นธรรมเนียม แต่ให้ออกมาจากใจจริง ใจรัก และใจศรัทธา จึงจะเกิดผลตามเป้าประสงค์ของพระศาสนจักร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น