วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บ้านแม่มารีย์


บ้านแม่มารีย์ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิบ้านนิจจานุเคราะห์ บ้านแม่มารีย์เป็นบ้านสำหรับเยาวชน ที่ติดเชื้อเฮช ไอ วี มีภาวะยากลำบาก เนื่องจากขาดการดูแลหรือพ่อแม่เสียชีวิต ต้องอาศัยอยู่กับญาติหรือผู้อุปการะที่มีฐานะยากจน บ้านแม่มารีย์ รับเยาวชนชาย—หญิง ที่มีอายุระหว่าง 15 ปี - 25 ปี ไม่มีคู่สมรส ไม่มีผู้ดูแลหรือผู้อุปการะ บ้านแม่มารีย์จะให้การส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา ปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต ส่งเสริมฝึกทักษะอาชีพและสนับสนุนช่วยเหลือเยาวชนในการดำรงชีวิตในอนาคตต่อไป ปัจจุบันบ้านแม่มารีย์มีเยาวชนชาย 1 คน เยาวชนหญิง 3 คน พวกเขามีหน้าที่ ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบ ตามบทบาทและหน้าที่ของตนเองในแต่ละวัน วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก วัดอัครเทวดามีคาแอล ขอเป็นส่วนหนึ่งได้เล่าบทความของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้เล่าประวัติของตนเอง เพื่อที่จะแบ่งปันให้พี่น้องได้รับฟัง ในเรื่องราวชีวิตของเธอ เธอติดเชื้อเฮช ไอ วี ได้อย่างไร และชีวิตของเธอก็ไม่เคยที่จะยอมแพ้และไม่เคยกล่าวโทษ บิดา มารดา ของตนเอง กับเพิ่มความรักและเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับเธอ ที่จะสู้ สู้ เพื่อวันข้างหน้า ยืนหยัดที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างปกติเหมือนคนธรรดา คนหนึ่ง
หนูชื่อ น้องกอหญ้า ( นามสมมุติค่ะ) หนูเป็นเด็กคนหนึ่งที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่โดยมูลนิธิบ้านนิจจานุเคราะห์ หนูเกิดที่จังหวัดขอนแก่น อาศัยอยู่กับพ่อ แม่เลี้ยง และน้องชาย ฐานะทางครอบครัวยากจน ชีวิตความเป็นอยู่แร้นแค้น รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เมื่อครั้งที่หนูเป็นเด็กเล็กๆหนูไม่สบายบ่อยร่างกายอ่อนแอ เข้า- ออก โรงพยาบาลบ่อยๆ จนกระทั่งหนูอายุ 7 ขวบแม่บอกกับหนูว่าหนูติดเชื้อเอดส์ ซึ่งหนูไม่เข้าใจหรอกว่าเอดส์ คืออะไร แต่สิ่งที่หนูรับรู้และสัมผัสได้และทรมานมากกับการที่หนูต้องกินยาทุกๆวันวันละ 2 ครั้ง หนูไม่อยากกินเพราะยามีรสขม และเม็ดใหญ่ ต้องกินครั้งละหลายๆเม็ด หนูถูกบังคับให้กินยาเป็นเวลา 3 ปี หนูเบื่อและไม่รู้ว่าทำไมต้องกินยาทุกวัน และกินทำไม หนูแอบเอายาทิ้งประจำ และในที่สุดหนูก็ถูกคุณหมอดุเป็นประจำ คุณหมอเปลี่ยนยาให้หนูบ่อยๆทุกครั้งที่เปลี่ยนยา การกินยาก็ยากขึ้นจนกระทั่งหนูอายุ 10 ขวบ แม่ก็ป่วยหนักเข้า- ออกโรงพยาบาลอยู่หลายครั้งและแม่ก็จากหนูไป งานศพของแม่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย หลังจากงานศพของแม่ผ่านไปได้ไม่นาน หนูมีความรู้สึกว่าผู้คนในหมู่บ้าน ครู เพื่อน ไม่ค่อยมีใครอยากพูดคุยกับหนู ทุกคนมองหนูเหมือนเป็นตัวเชื้อโรค หนูได้ยิน
คำพูดที่ทิ่มแทงเสียดสีจากคนในหมู่บ้านของหนูทุกวันว่า “ แม่มันเป็นเอดส์ตาย ”หนูถูกรังเกียจ หนูรู้สึกอับอายหนูมีชีวิตอยู่อย่างซังกะตายไปวันๆ ชีวิตทุกๆวันที่— ขอนแก่น หนูมืดมนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างหนูมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันตายอย่างที่คนเขาพูดกัน สุขภาพของหนูก็แย่ลงเรื่อยๆ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯไม่ได้ผล หนูดื้อต่อยาหลายๆชนิด เชื้อไวรัสในกระแสเลือดก็เพิ่มขึ้น จนคุณหมอต้องหยุดยาต้านไวรัสฯไว้ก่อน คุณหมอบอกว่ารอให้คุณหมอหาที่อยู่ใหม่ๆที่ดีๆให้หนูก่อนค่อยเริ่มยาใหม่ จนกระทั่งคุณหมอท่านส่งหนูมาอยู่ที่หนองบัวลำภู หนูอยู่ในความดูแลของมูลนิธิบ้านนิจจานุเคราะห์ หนูพักอยู่บ้านพักเยาวชน คือ บ้านแม่มารีย์ ช่วงที่หนูมาอยู่ใหม่ๆ หนูยอมรับว่าหนูสับสน หนูกลัว กลัวในสิ่งที่หนูยังมองไม่เห็น 1 เดือนผ่านไปหนูเริ่มได้รับการเรียนรู้หลายๆอย่าง หนูได้รับโอกาสทางสังคม หนูได้รับการดูแลเอาใจใส่ หนูได้เรียนหนังสือ และหนูได้เริ่มรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสใหม่อีกครั้งที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ยาที่หนูได้รับ การกินยายากกว่าเดิม เพราะหนูกลืนยาลงคอหนูก็อาเจียนทุกครั้ง กินอาหารก็ไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียนตลอดทั้งวัน หนูรู้สึกท้อมากกับการกินยา แต่แล้วหนูก็ได้รับการดูแลช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหนู หนูได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ก่อนถึงเวลากินยา เจ้าหน้าที่ก็จัดเตรียมผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว และพูดคุยกับหนูบางทีก็เล่าเรื่องตลกๆ ให้หนูฟัง จนหนูลืมอาการข้างเคียงที่มีผลจากยาต้านไวรัสฯ จนหนูสามารถดูแลตัวเองได้และกินยาได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาผลไม้หรือสิ่งอื่นๆ ช่วย ชีวิตของหนูได้รับการเปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดเจนจากหลายๆเรื่อง เช่น ในอดีตหนูไม่ได้เรียนหนังสือ มีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นทุกข์ยาก อดมื้อ อิ่มมื้อ ถูกรังเกียจจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองผู้คน ไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าแม้แต่จะมีลมหายใจ อดีตที่ผ่านมาหนูตายทั้งเป็น ปัจจุบัน หนูมีชีวิตใหม่ที่สดใสสวยงาม หนูได้รับโอกาสมากมายจากบ้านแม่มารีย์ หนูได้เรียนหนังสือ หนูมีเพื่อน หนูมีสังคม หนูมีพ่อ มีแม่ที่คอยอบรมสั่งสอน ทำให้หนูมีโอกาสได้เรียนรู้ชีวิตหลายๆอย่าง ทำให้ได้เข้าใจระหว่าง คำว่า “ เอดส์ ” กับ “ เชื้อเอช ไอ วี ” และเข้าใจคำว่า” คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ” ความเท่าเทียบกันในสังคม
ณ วันนี้ หนูยิ้มได้เต็มหน้าและกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นสบตาผู้คนในสังคมได้อย่างภาคภูมิใจ มูลนิธิบ้านนิจจาฯได้เติมเต็มให้กับชีวิตที่ขาดวิ่นของหนู ขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบเป็นของขวัญที่ลำค่าสำหรับชีวิตของเด็กติดเชื้อ เอช ไอ วี คนหนึ่ง
หนูขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้ช่วยเหลือหนูและช่วยกันคืนชีวิตใหม่ที่สดใสให้หนูจนหนูสามารถตอบโจทย์ของสังคมได้ ขอบคุณค่ะ
ด้วยรักและขอบคุณ
จาก .. เด็กหญิงกอหญ้า..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น