วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

สารจากคุณพ่อเจ้าอาวาส


  
    โดยธรรมชาติมนุษย์คนเรา  ชอบปฎิบัติตามคนส่วนใหญ่  ลองสังเกตุจากการสัญจรของคนบนท้องถนนกับการปฏิบัติตามระเบียบวินัยสัญญาณจราจร ในช่วงเย็นหลังจากเลิกงาน  เราจะพบเห็นรถยนต์ติดเป็นขบวนตามสี่แยกไฟแดงต่างๆเพื่อรอสัญญาณจราจร ส่วนบนฟุตบาทเราก็จะพบคนจำนวนมากยืนรอไฟแดงเพื่อที่จะข้ามถนน หากเราสังเกตุดีๆ บางครั้งเราจะพบเห็นเหตุการณ์ขำๆ เหตุการณ์หนึ่ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ธรรมดา ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งในบรรดาคนเดินเท้า มีงานเร่งรีบหรือไม่มีความอดทนที่เพียงพอ เมื่อเห็นว่ารถยนต์บนท้องถนนว่าง เขาจะฉวยโอกาสนี้เดินข้ามถนนโดยที่ไม่รอสัญญาณไฟ ขณะเดียวกันในบรรดาคนที่ยืนรอข้ามถนนก็จะมีบางคนที่ปฎิบัติตาม  ผู้คนกลุ่มนี้อาจจะทำตามโดยที่ไม่นึกถึงกฎจราจรแต่ปฎิบัติตามสิ่งที่คนรอบข้างกระทำ สำหรับเขาแล้วสัญญาณจราจรที่จะข้ามถนนคงไม่ใช่ไฟแดงแต่เป็นแบบอย่างของคนรอบข้าง
    ในชีวิตประจำวัน เราหลายคนอาจไม่ประพฤติตนตามสัญญาณหรือตามหลักปฏิบัติแต่ทำตามแบบอย่างของคนในสังคมมากกว่า เขาทำอย่างไร เราก็ทำเช่นเดียวกันเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นการที่มีคนข้ามถนนโดยที่ไฟจราจรยังเขียวอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่ยังกลายเป็นสัญญาณเพื่อให้คนจำนวนมากได้ปฎิบัติตาม
    ไม่มีใครสามารถบอกเราได้ว่า ชีวิตของเราอยู่เพื่อตัวเองและไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งต่างๆหรือบุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็นวาจาหรือกิจการ ความประพฤติของเราทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้าง เพราะฉะนั้น เราไม่ได้ดำเนินชีวิตเป็นเกราะกำบังแต่ต้องดำเนินชีวิตให้เป็นเครื่องหมายสำหรับคนอื่น
    สำหรับคนที่เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า บทบาทการเป็นเครื่องหมายนั้นมีความสำคัญยิ่งนัก  พระเยซูเจ้าได้ยืนยันว่าท่านเป็นเกลือของแผ่นดินและเป็นแสงสว่างสำหรับโลก จะเป็นการดีเพียงใด ถ้าการเป็นประจักษ์พยานถึงความเมตตา ความอดทน การให้อภัย ความมีน้ำใจดี การรับใช้และความซื่อสัตย์ สิ่งเหล่านี้คริสตชนจำเป็นต้องแสดงออกเสมอ ซึ่งเป็นพลังที่จะกลายเป็นสัญญาณแห่งความจริงและชีวิต และเพื่อที่จะถวายเป็นเครื่องหมายสำหรับคนอื่นได้ คริสตชนจำเป็นต้องหันไปหาผู้ที่เป็นหนทางความจริงและชีวิต ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างและปฎิบัติตนเยี่ยงพระองค์  คริสตชนก็จะสามารถดึงดูดคนจำนวนมากเข้ามาหาพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น