วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"จิตตารมณ์เยาวชน อุทิศตนและเสียสละ"

“เธอคือมวลพลังผู้กล้าและแกร่ง เธอร้อนแรงดั่งแสงตะวัน...” บทประพันธ์ผ่านทางของบทเพลง หลายท่านคงจะคุ้นหูกับบทเพลงนี้ซึ่งประพันธ์โดยนันทวัฒน์ รุจิวงศ์ คือ บทเพลงเธอวันนี้ ซึ่งกล่าวถึงพลังเยาวชนและสอนว่า “จงเป็นดั่งเปลวไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ ลามลุกไหม้ความทุกข์ตรม” ความทุกข์ร้ายใดๆนั้นจะไม่ทำให้ใจเราย่อท้อ เมื่อผมได้ยินเพลงนี้ทีไรทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เมื่อครั้งในอดีตที่ผมเองมีโอกาสได้เข้าอบรมสัมนาของหน่วยงานต่างๆจัดขึ้นในวัยที่ยังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมซึ่งในการร่วมกิจกรรมนั้นผมจะได้ยินเพลงนี้เสมอมา แต่ในปัจจุบันผมแทบไม่ได้ยินเพลงนี้เลยในการทำกิจกรรม แต่อย่างไรก็ตามยุคสมัยเปลี่ยนหลายอย่างเปลี่ยน ก็ขอให้เปลี่ยนไปในทางที่ดี! แต่แล้วผมรู้สึกเหมือนว่าเสียงของบทเพลงนี้ถูกขับขานและบรรเลงอีกครั้งเมื่อผมได้สัมผัสกลุ่มน้องๆ เยาวชนกลุ่มหนึ่ง ที่มีสโลแกนที่น่าประทับอย่างยิ่ง คือ “จิตตารมณ์เยาวชน อุทิศตนและเสียสละ”

เสียงเพลงปิดพิธีเริ่มขึ้นเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าพิธีกรรมกำลังจะจบลงในวันอาทิตย์ทุกๆ อาทิตย์ ณ วัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล เยาวชนจำนวนหนึ่งก็จะมารวมกันเพื่อทำกิจกรรมในบริเวณวัด ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกจัดขึ้นมองดูน่าสนใจ สรรสร้างด้วยความคิดใหม่ ให้กว้างไกลด้วยวิชั่นอันโมเดิร์น ผมมองว่านั่นคือกิจกรรมของพวกเขา ซึ่งน้องๆ กลุ่มนี้ได้เล่าว่า “กลุ่มเยาวชนของเราได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการวตั้งแต่มิถุนายน ปีที่แล้ว มีเยาชนจำนวน 20 คนเป็นสมาชิก ภายใต้การดูแลของพ่อเจ้าอาวาสและสภาอภิบาล” นอกจากจิตตารมณ์แล้วสิ่งหนึ่งน่าสนใจยิ่งกว่าคือ สมาชิกของกลุ่ม ถ้าเปรียบเทียบก็คงเหมือน ชาวเมกกะทอยด์ปะทะชาวฟิวส์เรียดอะไรทำนองนั้น สมาชิกของน้องๆเหล่านี้ประกอบด้วย คนไทยเอย เวียดนามเอยที่เข้ามาทำงานในหนองบัวลำภู จัดว่าหลายสัญชาติเลยทีเดียว มีตั้งปกติชนและผู้ที่ถูกจัดว่าเป็นผู้ด้อยโอกาส คือ ผู้ได้ผลกระทบจากเชื้อ HIV แค่นี้ก็ให้งงเป็นไก่เลยทีเดียว น้องๆ กลุ่มนี้เขาอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ผมเห็นครั้งแรกก็คิดไปต่างๆ นาๆ สอดไส้รึเปล่า? ผักชีโรยหน้ารึไง? สร้างภาพรึเปล่า? อะไรทำนองนั้น แต่แล้วทัศนคติเปลี่ยนเมื่อมีประโยคหนึ่งถูกคัดกรองออกมาจากความจริงใจออกมาทางปาก “เราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” นี่คือคำกล่าวของเยาวชนเวียดนามคนหนึ่ง ซึ่งนี่คือประโยคที่ทำให้ทัศนคติของผมเปลี่ยนและไม่ต้องมีคำถามว่าทำไม...อีกต่อไป...และทำให้ผมละอายใจด้วยซ้ำไปกับประโยคนี้ “เราจะร้องเพลงชาติไทยให้ฟัง” ในยามที่บ้านเมืองปั่นป่วน คนไทยฆ่ากันเอง ขนาดคนเวียดนามยังเป็นห่วงเป็นใย คนไทยๆ แท้ทำไม? นี่อาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมน้องๆกลุ่มนี้จึงอยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วยความรักใคร่ปรองดองแม้ว่าทุกคนยืนอยู่บนความต่างของสภาพชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี แต่ทุกคนไม่แตกต่างในฐานะบุตรของพระเป็นเจ้า

“สรรสร้างด้วยความคิดใหม่ ให้กว้างไกลด้วยวิชั่นอันโมเดิร์น” กิจกรรมของน้องๆ กลุ่มนิ้ยิ่งทำให้เห็นคุณค่าของน้องกลุ่มนี้มากขึ้นและยังคงกลิ่นอายของคุณงามความดีซึ่งกำลังจะเลือนหายไปจากใจผู้คนหลายล้านคน อย่างเช่นกิจกรรมเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุในชุมชนที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพังไร้ซึ่งผู้เหลียวแล ด้วยเปลวไฟในใจทำให้ทุกคนออกไปภาระกิจอย่างกระตือรือร้นด้วยกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์หลายอย่างเท่าที่น้องกลุ่มนี้จะทำได้ การถ่ายทอดประสบการณ์ก็ดี การทำความสะอาดที่พักก็ดี ผมรู้สึกว่ากิจกรรมค่อนข้างถูกใช้มาเป็นเวลานานพอสมควรจากหลายกลุ่ม แต่นั่นเป็นความคิดที่ขัดแย้ง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะและคำอวยพรจากผู้สูงอายุนั่นคือเสียงตอบรับและเป็นรางวัลตอบแทนของน้องๆ กลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี กิจกรรมต่างๆ นาๆ ที่ผมประทับอีกอย่างคือ การรับประทานอาหารร่วมกันในตอนเที่ยง ซึ่งได้แบ่งหน้าที่กันเสร็จสรรพและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป อาทิตย์ไหนมืออาชีพทำอาหารก็โชคดีไป แต่อาทิตย์ไหนเจอมือสมัครเล่นซึ่งต่างจากมือสมัคร สุนทรเวชคนละขั้วจักรวาลเลยทีเดียว คำแรกที่เข้าปากนึกว่า รถน้ำปลาคว่ำลงบนกระทะผัดผักสักสิบคัน!! แต่สิ่งนี้ไม่มีสักคนที่บ่นหรือตัดพ้อต่อว่าตรงกันข้ามทุกคนต่างให้กำลังใจกัน ให้โอกาสทุกคนได้ฝึกฝน เรียนรู้ พัฒนาฝีมือทำกับข้าวจากมือสมัครเล่นสู่ฝีมือระดับมือสมัคร สุนทรเวชต่อไปต่อมาโครงการค่ายส่งเสริมจริยธรรมคุณธรรมเยาวชน นี่ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของผู้ร่วมได้ไม่แพ้กิจกรรมอื่นแม้ว่าการจัดค่ายจะเป็นช่วงเวลาที่ร้อนระอุของฤดูร้อนของเมืองไทยก็ได้น้ำจากสงกรานต์บรรเทาความร้อนให้คลายลงไปบ้าง กิจกรรมจบลงไปพร้อมเปลือกและแก่นของการอบรมอย่างเข้มข้น 3 วัน 2 คืน และในช่วงนี้น้องๆ กลุ่มนี้กำลังขะมักเขม้นกับกิจกรรมทักษะชีวิตสู่สังคมอย่างมีสุขเป็น 1 ชั่วโมงทุกวันอาทิตย์หลังพิธีกรรมทางศาสนาจบ ซึ่งน้องที่เป็นเยาวชนของวัดก็กล่าวถึงกิจกรรมนี้และแนวโน้มของทฤษฎีสู่ภาคปฏิบัติหลังจากจบคอร์สนี้ “แน่นอนว่าถ้าเรามีทักษะการใช้ชีวิตที่ดี เราก็สามารแบ่งปันให้คนอื่นได้อย่างไม่เคอะเขินค่ะ” เป็นคำกล่าวที่ดีถ้าเราไม่มีก่อนเราก็คงแบ่งปันไม่ได้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นและยังมีอีกหลายกิจกรรมที่น่าสนใจของน้องๆ เยาวชนกลุ่มนี้ที่ไม่ได้กล่าวถึง ทุกจังหวะของการเดิน การวิ่ง การเต้น การร้อง ช่างเหมือนนกที่กำลังโบยบินของน้องกลุ่มนี้เหลือเกิน เหมือนต้นกล้าแห่งคุณธรรมในแปลงเพาะรอเวลาที่จะนำไปปลูกเพื่อจะได้เติบโตให้ร่มเงาต่อไป

ประกายไฟแห่งความสุขสันต์กำลังลุกไหม้ในตัวของบุคคลที่มีคุณธรรมประจำใจอย่างน้องๆ เยาวชนกลุ่มนี้ เยาวชนวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอล กลุ่มยาวชนที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นมีรักให้กันและกัน และน้องๆ กลุ่มนี้ได้รับการดูแลอย่างดีจากคุณพ่อเจ้าอาวาสของวัดและสภาอภิบาล ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมงานด้านเยาวชนของวัดคาทอลิกอัครเทวดามีคาแอลและความกระตือรือร้นของน้องๆกลุ่มนี้จะทำให้เกิดสันติภายในจิตใจและนำไปสู่สังคมสู่ประเทศชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งของเราชาวไทยในอนาคต ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ กลุ่มนี้จงเป็นดั่งตะเกียงที่นำแสงไปในที่มืดมน เหมือนดั่งเพลง เธอวันนี้ “เธอคือมวลพลังผู้กล้าและแกร่ง เธอร้อนแรงดั่งแสงตะวัน...”

โดย เทวราช ไทยลำภุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น