วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นิยามแห่งรัก...(The Definition of Love)

เมื่อคำนิยามของคำว่ารักถูกถามขึ้น! ในระหว่างที่น้องๆเยาวชนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมทักษะชีวิตหลังมิสซาวันอาทิตย์ ใครกันจะให้คำนิยามของคำว่ารักได้ดีและมีความหมาย คำตอบแตกต่างกันออกไป แต่ที่สุดแล้วนิยามแห่งรักมีบัญญัติไว้หรือไม่ ความรักมนุษย์เทียบได้กับความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ นี่คือคำตอบที่ต้องแสวงหา? ใครจะให้คำนิยามที่มีความหมายได้เท่ากับนิยามบทนี้“จะมีความรักใดที่ยิ่ง ใหญ่กว่าการพลีชีพของตนให้กับมิตรสหาย”ลองมาฟังนิยามแห่งรักข้างล่างนี้กัน ดูครับ

นิยามแห่งรัก...(The Definition of Love)

เมื่อครั้งในเยาว์วัยหลายคน คงคิดว่าความรักเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ยิ่งทำให้รู้จักและเข้าใจในเรื่องของความรักมากขึ้นทุกที... เมื่อยิ่งเข้าใจความรักมากขึ้นยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกว่าความรักไม่ได้อยู่ ไกลตัวอย่างที่คิด และกลับทำให้ตัวเองนั้นรู้สึกถวิลหาความรักมากขึ้นทุกที ๆ จนบางครั้งความรักก็ทำให้ เจ็บปวดรวดร้าวในจิตใจ บางครั้งความรักก็เป็นยารักษาใจให้แข็งแรง เป็นเหมือนแรงบันดาลใจที่ใหญ่ยิ่งทำให้ชีวิตได้ขับเคลื่อนต่อไป...

เมื่อความรักก้าวเข้ามาเคาะประตูหัวใจของใครบางคน คงเป็นได้ที่คน ๆ นั้นคงจะรู้สึก ตุ๋ม ๆ ต่อม ๆ ในหัวใจคล้ายดูเหมือนกับตัวโน๊ตของเสียงดนตรีที่มีสูงและต่ำ แต่สิ่งที่สำคัญนั้นคือ “การรักษา ความรัก” ให้คงรู้สึกถึงความตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ได้เป็นแค่รักฉาบฉวยที่หมดลงไปตามกาลเวลาเท่านั้น
บทเพลงแห่งรักจะยังคงขับขานไพเราะเสนาะอย่างต่อเนื่องนั้นต้องขึ้นอยู่กับ ทัศนคติ และความเข้าใจในความรัก หากมีใครที่มีทัศนคติต่อความรักที่ไม่ถูกต้อง เพราะประเมินความรักจากสิ่งแวดล้อมในด้านลบ คงน่าเสียดายไม่น้อย หากคราใดที่มีใครเข้าใจในทัศนคติของ “รัก” อย่างดี ใครคนนั้นคงจะได้รับการปันผลจากความรักที่คุ้มค่าไม่น้อยทีเดียว แต่จะมีสักกี่คนได้ค้นหาถึงความหมายคำว่ารัก อาจจะจริงกับประโยคที่ว่า “ความรักต้องใช้เวลา” เพราะหากไม่มีเวลาสำหรับความรัก ก็คงไม่มีใครได้เรียนรู้ และเข้าใจในกับความรักเป็นแน่ การเรียนรู้ต้องควบคู่ไปกับโอกาส ดังนั้นเอง ความรักจะถึงจุดของความสำเร็จได้นั้นต้องมีองค์ประกอบหลายประการดังที่ได้ กล่าวมาแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเองได้สะท้อนถึงลักษณะของความรักที่มีอยู่ในตัวของมันเอง

จากข้างต้นที่ได้กล่าวมาผมได้สื่อถึงความรักในแง่มุมต่างที่แตกต่าง เช่น จุดเริ่มต้นความรัก และ การรักษาความรัก เป็นต้น สิ่งที่ผมได้กล่าวมาทั้งหมดหากเปรียบแล้วก็คงเป็นเสมือน “นิยามแห่งรัก” ที่ถูกรวบรวมมาจากประสบการณ์ หรือมาจากความรู้ที่มีอยู่ รวมไปถึงคำบอกเล่าของคนรอบข้าง แต่ในวันแห่งความรักปีนี้ ผมปรารถนาที่จะนำเสนอ “นิยามแห่งรัก” ที่อยู่ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ และผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนจะได้เข้าใจ และรับรู้ถึงทัศนคติ คำว่า “นิยามแห่งรัก” ที่ถูกต้อง

เนื่องในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาผม ได้รู้ว่ามีคนอีกมากมายที่ยังไม่เข้าใจในความหมายของคำว่า “รัก” เมื่อผมได้เริ่มต้นถามกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเกี่ยวกับ “ความรัก” กระผมต้องตกใจกับคำตอบที่ได้ยินซึ่งฟังดูไม่ไพเราะเสนาะหูเท่าไร เมื่อวัยรุ่นกลุ่มนั้นกล่าวว่า “ความรักคือ การเริ่มต้นที่จบลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์ และ ความรักเป็นเหมือนเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้” เป็นต้น

ผมเชื่อว่าผู้อ่านที่ได้ยินคำตอบแบบนี้นั้นคงจะรู้สึกตกใจอย่างมาก ด้วยเหตุที่สังคมปัจจุบันกำลังบั่นทอนความรักมากกว่าที่จะเติมความรักให้ เต็ม เช่น ปัญหาการหย่าร้าง, ปัญหาของวัยรุ่นในสังคม, ปัญหาด้านความเป็นเอกภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นสาเหตุอาจเป็นเพียงเพราะไม่มีใครเข้าใจใน “ความรัก” อย่างพอเพียง หรืออาจจะเป็นผลจากการละเลยความรักที่มีให้ต่อกันก็เป็นได้ ดังนั้นเองหากต้อง การที่จะแก้ไขปัญหาก็ควรที่จะแก้ไขอย่างตรงจุด มิใช่แก้ไขเพียงเฉพาะเปลือกนอกของปัญหา นั้นคือ “กระพี้” หรือแกนหลักสำคัญของปัญหา โดยต้องเริ่มจากทัศนคติของคำว่ารัก “นิยามแห่งรัก” ที่ไม่ใช่เพียงคำพูด หรือความรู้ในหัวสมองเท่านั้น แต่เป็นการภาพของการนำไปประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง

โดยครูแหม่ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น