วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สมโภชนักบุญทั้งหลายและระลึกถึงผู้ล่วงลับ

เดือนพฤศจิกายนของทุกปี ตามธรรมเนียมของคาทอลิก จะระลึกถึงดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ความกตัญญูกตเวทีของลูกหลาน ที่พึงปฎิบัติต่อบรรพบุรุษของตนเอง โดยการอุทิศคำภาวนาและขอมิสซาบูชาฯ แด่ดวงวิญญาณของท่าน

ก่อนที่จะระลึกถึงผู้ล่วงลับ ในวันที่ 1 พ.ย.ของทุกปีพระ-ศาสนจักรทำการสมโภชนักบุญทั้งหลาย ท่านผู้อ่านคงจะสงสัยว่า ทำไมเราจึงต้องฉลองบรรดานักบุญทั้งหลาย? เพราะตลอดปีเราก็มีการฉลองนักบุญอยู่แล้ว แต่ทำไมพระศาสนจักรจึงต้องให้มีวันฉลองบรรดานักบุญทั้งหลาย อีก 1 วัน เราลองค้นหาคำตอบและศึกษาไปด้วยกันซึ่งอาจมีเหตุผลสำคัญ2ประการคือ
1. เคียงคู่ไปกับการฉลองนักบุญที่เรามีบันทึกไว้ในแต่ละปี เรายังมีบรรดานักบุญชาย หญิงอีกจำนวนมาก บรรดามรณสักขี ชาย หญิง เด็กๆ ที่ร่วมอยู่กับพระสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์ ซึ่งเราไม่ได้ทำการฉลองให้กับท่านเหล่านั้น หลายท่านเป็นพ่อแม่ของเรา ปู่ย่าตายาย ซึ่งเป็นวีรบุรุษชายหญิงแห่งความเชื่อ วันนี้เราจึงให้เกียรติต่อท่านด้วยการระลึกถึงท่าน

2. การฉลองนี้ทำให้เรามองดูเป้าหมายแห่งชีวิตนิรันดรของเราแต่ละคน ท่านนักบุญที่เราฉลองนี้ เป็นมนุษย์ชายหญิงเหมือนๆ กับเรา เป็นเหมือนกับที่เราเป็นนี่แหละ และพวกท่านก็ได้อยู่ในที่ที่เราได้วาดหวังเอาไว้ สักวันหนึ่ง ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน เรารู้ว่า ชีวิตของเรานั้น ไม่ได้เริ่มต้นตอนนี้เรามีชีวิต และจบลงเมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้วเท่านั้น แต่ชีวิตของเรา เกิดขึ้นก่อนที่เราจะเกิด และต่อเนื่องไปจนเราตายและไปสู่ชีวิตนิรันดร

วันนี้เราทุกคนได้รับเชิญให้เดินในหนทางของท่านนักบุญทั้งหลาย หนทางของความสุขแท้หนทางที่เป็นทางแคบๆและยาก-ลำบาก เราจึงจำเป็นต้องมีความเชื่อและความกล้าหาญที่จะเดินผ่านไปให้ได้ ตัวอย่างของบรรดานักบุญและคำภาวนา เป็นกำลังใจให้เราก้าวหน้าต่อไป

ความศักดิ์สิทธิ์นี้มิใช่เกิดจากความพยายามของมนุษย์ที่พยา-ยามจะบรรลุถึงพระเจ้า โดยอาศัยกำลังของตนเอง แม้จะประกอบกิจกรรมขั้นวีรกรรมก็ตาม แต่ว่าความศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นของประทานของพระเจ้าที่ให้เปล่า นอกนั้นยังเป็นการตอบสนองของมนุษย์ต่อการเริ่มต้นอันนี้ของพระเจ้าอีกด้วย


ระลึกถึงผู้ล่วงลับ

พระศาสนจักรถือว่า บรรดาผู้ล่วงลับกับผู้มีชีวิตนี้ มีความผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยอาศัยคำภาวนา และการร่วมบูชามิสซา ผู้ล่วงลับมิใช่ผู้ที่จากไป อยู่อีกทีหนึ่ง หรืออีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่สามารถติดต่อสัมพันธ์กันได้ แต่ ผู้ล่วงลับ คือ ผู้ที่ออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระ และสักวันหนึ่งภายหน้าก็จะกลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูคริสตเจ้า
การที่พระศาสนจักรกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนระลึกถึงผู้ล่วงลับนั้น เพราะเรามีความเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ เมื่อถึงวันที่ร่างกายจบสิ้น(ตาย) แต่วิญญาณนั้นคงอยู่ วิญญาณจะรับผลของร่างกายที่เป็นผู้กระทำ ไม่ว่าจะเป็นผลของความดีหรือความชั่ว แน่นอนมนุษย์ทุกคนมีทั้งความดีและความผิดบก-พร่องด้วยกันทุกคนโดยความเชื่อของเราซึ่งเป็นคาทอลิก เราเชื่อว่าผู้ที่ตายไปแล้วจะได้ไปพบกับพระเป็นเจ้า แต่บุคคลที่จะพบกับพระเป็นเจ้าได้นั้น ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งขณะเดียวกันเราก็เชื่อว่าในความเป็นมนุษย์ที่มีความอ่อนแอ คงไม่มีใครสามารถชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ได้ทั้งหมด ดังนั้น ผู้ที่ล่วงลับไปในขณะที่ยังมีมลทินของบาป บาปเบา เศษของบาป หรือยังไม่บริสุทธิ์พอที่จะได้ไปพบพระเป็นเจ้า พวกเขาเหล่านั้น ยังต้องใช้โทษของตน อยู่ในที่แห่งหนึ่ง ที่เรียกว่าไฟชำระ และในไฟชำระนี้ เขาจะได้รับการทดลองอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะช้านานแล้ว แต่สภาพของวิญญาณของเขา เมื่อผ่านพ้นช่วงนั้นไปแล้ว พวกเขาจะได้เข้าสู่สวรรค์ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนที่มีชีวิตทุกคนที่จะสวดภาวนาให้กับผู้ล่วงลับที่อยู่ในไฟชำระ เพื่อวอนขอพระเป็นเจ้าทรงมีพระเมตตา อภัยโทษ ความผิดบาปต่าง ๆ ให้กับเขา เพื่อเขาจะได้รับชีวิตนิรันดร ร่วมสุขกับพระองค์ในสวรรค์ เพราะผู้ล่วงลับเหล่านั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากความผิดบาปที่กระทำได้ มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะสามารถช่วยพวกเขาได้ และหน้าที่ของการภาวนาและขอมิสซาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับนั้น ยังเป็นเรื่องของความยุติธรรม และความกตัญญูกตเวทีของเราทุก ๆ คนอีกด้วย เพราะผู้ล่วงลับเหล่านั้น อาจเป็นบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ครูบาอาจารย์ นักบวชชาย หญิง พระสงฆ์ พระสังฆราช หรือมิตรสหายของเรา ฯลฯ ซึ่งมีส่วนผูกผัน และเคยเกี่ยวข้องกับเรามาไม่มากก็น้อยในอดีตที่ผ่านมา

ขอฝาก...ข้อคิด... เป็นโอกาสดีที่พวกเราทุกคนจะร่วมกันสวดภาวนาและขอมิสซาให้กับบรรดาผู้ล่วงลับ ทั้งหลาย ญาติพี่น้อง และผู้ที่ไม่มีใครคิดถึง เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่อยู่ในสถานะที่จะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากความผิดบาปได้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถช่วย-เหลือพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเราทุกคนควรจะระลึกถึง บรรดาผู้ล่วงลับ หรือญาติพี่น้องที่จาก มิใช่เฉพาะแต่เดือนผู้ตายเท่านั้น แต่ควรระลึกทุก ๆ วัน เพื่อพวกเขาจะได้ ไปอยู่กับพระเป็นเจ้าโดยเร็ววันและเมื่อพวกเขาได้รับชีวิตนิรันดรในสวรรค์แล้วพวกเขาก็จะไม่ลืมที่จะสวดภาวนา ให้พวกเราเช่นกัน







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น