วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จงเป็นเกลือของแผ่นดินและแสงสว่างของโลก


ไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนคือคนเหมือนกัน ฉบับนี้มาแปลกมาก ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2555 งานด้านคำสอนดูเหมือนว่าจะมีการเรียนคำสอนอย่างเข้มมากๆ โดยเฉพาะเยาวชนเวียดนามมีเรียนเกือบทุกวันเพราะอะไรนั้นเรามีคำตอบค่ะ เนื่องจากว่าสิ้นปีนี้ คุณพ่อแอนโทนี่ เจ้าอาวาสวัดมีภารกิจจะต้องไปศึกษาปริญญาเอกที่กรุงเทพฯ จึงเป็นสาเหตุให้เยาวชนเวียดนามหลายๆคนต้องหาเวลามาเรียนคำสอน เพราะความผูกพันและการดูแลชีวิตฝ่ายจิตของคุณพ่อทำให้ทั้งเยาวชน เด็กนักเรียนคำสอน สัตบุรุษวัดเองก็มีความปรารถนาที่จะให้คุณพ่อได้โปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ นี่แหละเป็นประจักษ์พยานของพระคริสต์เจ้าด้วยชีวิต
งานคำสอน 
จากแบบอย่างของคุณพ่อ และพระดำรัสของพระเยซูเจ้าได้ตรัสกับเราทุกคน ให้เป็นเกลือของแผ่นดินและแสงสว่างของโลก ในโอกาสที่วัดของเราได้จัดกิจกรรมงานวันคำสอนขึ้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี โดยใช้หัวข้อในการอบรม 

“ จงเป็นเกลือของแผ่นดินและแสงสว่างของโลก ” 
            จำนวนนักเรียนคำสอนที่เข้าร่วมกิจกรรม 45 คน จากนักเรียนคำสอนที่วัดของเราเองและนักเรียนหญิงที่อยู่ในการดูแลของซิสเตอร์ดอมินิก จังหวัดอุดรธานี จำนวน 21 คน ทุกคนน่ารักมาก เราจัดกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2555 เริ่มกิจกรรมเวลา 09 .00 โมงเช้า ในช่วงแรกของการจัดกิจกรรมเป็นการสวดขอพรโดยเริ่มด้วยพิธีกรรมเปิดการอบรม หลังจากนั้นกิจกรรมหลอมละลายก็ได้เริ่มขึ้น ช่วงแรกทุกคนก็ยังมีความเขินอายกันบ้างแต่ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเรียนรู้ออกจากตนเอง เรียนรู้จักเพื่อนใหม่ เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่าง เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่แล้วก็นำกิจกรรมเข้าสู่การอบรมในหัวข้อที่กล่าวไว้แล้วนั้น พระเยซูเจ้าบอกเราให้เป็นเกลือและแสงสว่างของโลก ในความหมายนี้ หมายถึงอะไร นั่นคือ สิ่งที่เราจะต้องค้นหาคำตอบไปด้วยกัน ให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกที่เป็นพยานที่มีความเชื่อ เหนือการดำรงชีวิตของคนอื่นๆให้ชีวิตเรามีรสชาติ สามารถที่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้ ในที่นี้หมายถึงให้เราได้ดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไปโดยการเป็นพยานที่แสดงออกโดยการมีมิตรภาพที่แท้จริง การแสดงมิตรภาพแห่งพระคริสต์ ความรักเป็นส่วนผสมสำคัญในมิตรภาพแท้ “เมื่อความรักเต็มหัวใจแล้ว มันจะไหลออกไปยังผู้อื่น” โดยสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถเป็นเกลือแห่งแผ่นดินและแสงสว่างของโลกได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น